Search
Close this search box.

BlackBerry : เรื่องราวการขึ้นและลงของยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟน

เพื่อนๆทุกท่าน คงจะไม่มีใครปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก BlackBerry วันนี้ผมอยากมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับ  BlackBerry เรื่องราวการขึ้นและลงของยักษ์ใหญ่สมาร์ทโฟนรายนี้ครับ และจุดประสงค์ของผมคือ อยากให้เป็นอุทาหรณ์สอนเราครับ 

BlackBerry เป็นชื่อที่หลายคนรู้จักในฐานะหนึ่งในผู้นำตลาดสมาร์ทโฟน แต่เรื่องราวของมันกลับเต็มไปด้วยบทเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ตั้งแต่การเริ่มต้นที่โดดเด่นจนถึงการล่มสลายที่ไม่คาดคิด BlackBerry มีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวที่สอนเราเกี่ยวกับการปรับตัวในยุคดิจิทัล

จุดเริ่มต้นที่สดใส BlackBerry เริ่มต้นในปี 1984 โดย Mike Lazaridis และ Douglas Fregin ในฐานะบริษัท Research In Motion (RIM) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย

 ในปี 1999 BlackBerry ได้เปิดตัวอุปกรณ์ BlackBerry 850 ซึ่งเป็นเพจเจอร์ที่รองรับการส่งอีเมลแบบพุช นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง  มันเป็นตัวเปลี่ยนเกม อินเทอร์เน็ตไร้สายแบบพกพา และคีย์บอร์ดที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทําให้การส่งอีเมลเป็นเรื่องง่าย  พวกเขาเปลี่ยนจากการทําให้โทรศัพท์เป็นการสร้างไลฟ์สไตล์  นี่คือเหตุผลที่ทำให้ BlackBerry กลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริหารและนักธุรกิจในช่วงต้นปี 2000 

ในปี 2002 รุ่น 5810 ของ BlackBerry ได้เพิ่มการโทร หน้าจอสี และอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่บ้าคลั่ง  นี่คือจุดที่ราชาสมาร์ทโฟนเกิดขึ้น  

BlackBerry กลายเป็นสิ่งที่ผู้บริหารจำเป็นต้องมีติดตัว แม้แต่ประธานาธิบดีโอบามาก็ภูมิใจที่ได้ถือ BlackBerry ของพวกเขาครับ และมันได้ขยายตลาดไปยังผู้บริโภคทั่วไป โดยผลิตภัณฑ์อย่าง BlackBerry Pearl และ Curve ได้รับความนิยมอย่างสูง ส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดถึง 50% ในสหรัฐอเมริกา    ภายในปี 2009 บริษัทที่อยู่เบื้องหลัง Research in Motion (RIM) เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดอันดับ 1 ของ Fortune Apple อยู่ในอันดับที่ 39  Google อยู่อันดับที่ 68

นี่คือสิ่งที่ผู้บริหาร BlackBerry ในขณะนั้นคิดว่า ผลิตภัณฑ์ของเขาไม่สามารถแตะต้องได้ หรือพวกเขาคิดอย่างนั้น 

แต่ในช่วงเวลานั้น ปี 2007 การมาถึงของ Steve Jobs ก็ทำให้เปลี่ยนทุกอย่าง เมื่อ Apple เปิดตัว iPhone ด้วยดีไซน์ที่เพรียวบางและหน้าจอสัมผัส  ในขณะนั้น BlackBerry มองว่า iPhone เป็นภัยคุกคามเพียงเล็กน้อย และไม่เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ Apple นำเสนอ Lazaridis และ Balsillie ผู้บริหารของ RIM ยังคงมั่นใจว่า ลูกค้าของพวกเขาจะยังคงเลือกใช้สมาร์ทโฟนที่มีคีย์บอร์ดจริงมากกว่าหน้าจอสัมผัส  แม้ว่า iPhone มันเพรียวบาง มีหน้าจอสัมผัส และใช้งานง่าย ซึ่งเป็นการปฏิวัติที่สมบูรณ์ iPhone มีคุณสมบัติที่กําหนดสิ่งที่โทรศัพท์สามารถทําได้ใหม่

ในวันเปิดตัว iPhone นาย Lazaridis (ซีอีโอร่วมของ BlackBerry) คว้ามือของ นาย Jim Balsillie ซีอีโอร่วมของเขาที่สํานักงานและดึงเขามาอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ แล้วดูการเปิดตัวนั้น พร้อมกลับถามเขาว่า “จิม ผมอยากให้คุณดูสิ่งนี้” เขาพูดพร้อมกับชี้ไปที่เว็บแคสต์ของการเปิดตัว iPhone “พวกเขาใส่เว็บเบราว์เซอร์เต็มรูปแบบบนสิ่งนั้น” “คนเหล่านี้ดีมากจริงๆ สิ่งนี้แตกต่างกัน”

แต่ซีอีโอร่วมเขากลับตอบแบบหน้าตาเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร—เราจะไม่เป็นไร”  มันก็งั้นๆ…..พวกเขาไม่โอเค Apple มีบางสิ่งที่ทรงพลังกว่าที่ BlackBerry คาดการณ์ไว้มาก BlackBerry ไม่ได้มองว่า iPhone เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจหลัก แต่พวกเขากลับมองว่า iPhone เป็นผลิตภัณฑ์ที่ “ห่วยแตก” ที่มีความปลอดภัยและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ไม่ดี

อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 Apple ขาย iPhone ได้ถึง 11.6 ล้านเครื่อง ขณะที่ BlackBerry เริ่มสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็ว การตัดสินใจที่จะไม่ปรับตัวทำให้ BlackBerry ต้องเผชิญกับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และ ภายในปี 2010 จํานวนนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 20.73 ล้าน  ในปี 2011 Apple ได้เริ่มกินส่วนแบ่งการตลาดของ BlackBerry แล้ว และช่องว่างระหว่างเขาก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น

วิธีแก้ปัญหานั้นชัดเจนมากครับว่า  BlackBerry จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนและยอมรับเทคโนโลยีใหม่ แต่ BlackBerry ติดอยู่กับความคิดเก่าๆ  และพนันว่าลูกค้าที่ภักดีของพวกเขาจะยังเลือกคีย์บอร์ดจริงมากกว่าหน้าจอสัมผัสของ iPhone

พวกเขาคิดผิด….ส่วนแบ่งการตลาดของพวกเขาเริ่มหดตัวจาก 33%  ในปี 2011 และเหลือเพียง 2.31% ในปี 2016

และในที่สุดภายในปี 2021 ส่วนแบ่งการตลาดของ BlackBerry ได้แตะ 0% การถือ BlackBerry นั่นดูล้าสมัยมากๆครับ ในช่วงเวลานั้น BlackBerry ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นบริษัทที่แตะต้องไม่ได้นั้น มันไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว 

iPhone อาจแย่งส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่ของ BlackBerry แต่ BlackBerry ก็ทําการเคลื่อนไหวที่ทําให้แย่ลง พวกเขาเพิกเฉยต่อพลังของหน้าจอสัมผัส (touch screen) และสิ่งที่น่าเสียใจมากคือ พวกเขาเพิกเฉยต่ออนาคต…….  พอถึงจุดนี้ผมจึงอยากวอนเพื่อนๆครับว่า อย่าเพิกเฉยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และ สิ่งที่เด็กวัยรุ่นกำลังนิยมครับ 

เอาละกลับมายังเรื่องของเราดีกว่า แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดครับ เพราะ การเปิดตัว iPhone ทําให้ BlackBerry สั่นคลอนมากจนพวกเขาเริ่มทําสิ่งผิดพลาดมากขึ้น 

สิ่งแรกคือ การหยุดทํางานทั่วโลกในปี 2011 ทําให้ผู้ใช้ BlackBerry อยู่ในความมืดเป็นเวลา 3+ วัน การติดต่อสื่อสารเหมือนกับตัดขาดไปเลย สร้างความเสียหายมากมาย

สิ่งที่เกิดต่อไป คือ แท็บเล็ต PlayBook ของพวกเขาเปิดตัวโดยไม่มีอีเมล ปฏิทิน หรือแอปโน้ต ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ผู้ใช้ BlackBerry คาดหวัง แต่ต้องผิดหวัง(เพื่อนๆอย่าพยายามล้อเล่นกับการคาดหวังของผู้บริโภคนะครับ นั่นคือสิ่งที่ผิดพลาดอย่างมหันต์)

อีกเรื่อง คือ ในช่วงนั้นพวกเขายังคงเร่งผลิตภัณฑ์โดยไม่เข้าใจความต้องการของตลาดว่า ตลาดได้เปลี่ยนไปแล้ว…. ความสะดวกสบายกับการใช้ touch screen มันง่ายกว่าเยอะครับ 

และ ในที่สุดภายในปี 2012 ประธานร่วม Lazaridis และ Balsillie ก็ได้ก้าวลง และ Apple ครองตําแหน่งนับแต่นั้นมา

ในปี 2017 BlackBerry หยุดผลิตโทรศัพท์โดยสิ้นเชิง และออกจากตลาดไปอย่างถาวร ทิ้งตำนาน และความผิดพลาดไว้เบื้องหลังครับ ที่ผมพยายามเล่าเรื่องเหล่านี้ ให้เพื่อนๆ ได้ฟังก็เพราะความผิดพลาดเหล่านี้คือบทเรียนที่มีราคาแพงมากครับ 

ในมุมมองนี้  ผมมองว่าในปี 2009 BlackBerry ควบคุม 50% ของตลาดสมาร์ทโฟน  ห้าปีต่อมา ในปี 2014 ตัวเลขนั้นน้อยกว่า 1% เรื่องราวของ BlackBerry เป็นเรื่องราวเตือนใจนักธุรกิจว่า 

  1. นวัตกรรมไม่รอใคร – เทคโนโลยีหน้าจอสัมผัสมีอยู่แล้ว แต่ BlackBerry เพิกเฉยต่อมัน
  2. อย่าประมาทคู่แข่งของคุณ iPhone กลายเป็นการปฏิวัติ และให้ความสะดวกแก่ผู้บริโภค 
  3. ความภักดีจะจางหายไปอย่างรวดเร็วหากคุณไม่พัฒนา และยังจมปลักกับแนวความคิดเก่าๆ ทั้งที่โลกได้หมุนไปไกลแล้วครับ 

อีกเรื่องที่ผมพยายามบอกเพื่อนๆ แต่ก็ไม่ค่อยมีคนพยายามที่เข้าใจเลยครับ ผมพูดเสมอว่า ระบบการเงินโลก มันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วครับ  Financial Literacy ความรู้ ความเข้าใจและจัดการเรื่องการเงินในโลกอนาคต  ซึ่งรวมถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณ การออม การลงทุน และการจัดการหนี้สิน ความรู้ทางการเงินที่ดีช่วยให้บุคคลสามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมั่นคงและสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินทางการเงินได้ของระบบการเงินใหม่กำลังเข้ามา  ผมก็หวังว่าสิ่งที่ผมพยายามปลูกปัญญาให้กับเพื่อนๆ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่งน ครับ   ด้วยความปรารถนาดีครับ

ศิษย์ สุมาเต็กโซ

แบ่งปันบทความนี้