Search
Close this search box.
พลังงานสะอาดระเบิดศึก! ฟิวชัน VS ฟิชชัน กับยุคเปลี่ยนผ่านที่โลกกำลังจับตามอง

พลังงานสะอาดระเบิดศึก! ฟิวชัน VS ฟิชชัน กับยุคเปลี่ยนผ่านที่โลกกำลังจับตามอง

เรามาคุยกันเรื่องพลังงานสะอาดกันหน่อยดีไหมครับ เพราะนั่นจะเป็นจุดที่ผมจะนำเพื่อนๆ ไปสู่การลงทุนที่น่าจับตามองเหมือนกันในอนาคต ครับ  เมื่อเร็วๆ นี้ เราได้ทราบมาว่า  Google ได้ลงทุนในบริษัท Commonwealth Fusion Systems (CFS) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันในรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยยังไม่เปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 500 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป และอาจแตะระดับพันล้านดอลลาร์  จุดสำคัญของดีลนี้คือ:

  1. Google ได้ลงนามสัญญาซื้อพลังงาน (Power Purchase Agreement – PPA) ล่วงหน้าจากโรงงานนิวเคลียร์ฟิวชันแห่งแรกของ CFS ในรัฐเวอร์จิเนีย โดยมีเป้าหมายซื้อพลังงานอย่างน้อย 200 เมกะวัตต์
  2. Google ยังอาจมีสิทธิ์ก่อนในการซื้อพลังงานจากโรงงานอื่นของ CFS ในอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของ Google ต่อเทคโนโลยีนี้

นอกจากนี้ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) ยังลงทุนใน TAE Technologies ซึ่งเป็นบริษัทฟิวชันอีกแห่ง ที่ใช้วิธี Field-Reversed Configuration (FRC) โดยใช้แม่เหล็กและสนามแม่เหล็กของพลาสมาเองในการควบคุมปฏิกิริยา และใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน-โบรอน (p-B11) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดกากกัมมันตรังสี

คำถาม ที่เราจะต้องถามตัวเรา ก็คือ ฟิวชันจะเอาชนะเทคโนโลยีนิวเคลียร์แบบฟิชชัน (เช่น SMRs – Small Modular Reactors) ได้หรือไม่?

  • เทคโนโลยี SMRs มีความเสี่ยงต่ำ แต่ต้นทุนการสร้างสูง
  • เทคโนโลยีฟิวชันมีต้นทุนการสร้างต่ำกว่าและใช้พื้นที่น้อย แต่ยังมีความเสี่ยงทางเทคนิค เพราะยังไม่มีโรงงานที่ใช้งานในระดับเชิงพาณิชย์จริง

แต่เพื่อนๆ ครับ ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง  กล่าวคือ รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มสนับสนุนนิวเคลียร์มากขึ้น ทั้งฟิชชันและฟิวชัน   เทคโนโลยีด้านแม่เหล็กและ AI พัฒนาไปมาก จนทำให้ควบคุมพลาสมาได้เสถียรขึ้น ดังนั้น เราจึงเห็นเงินทุน จากสถาบันต่างๆ กำลังหลั่งไหลเข้าสู่ภาคพลังงานนิวเคลียร์อย่างไม่เคยมีมาก่อน

การแข่งขันระหว่างนิวเคลียร์ฟิชชันรุ่นใหม่ (SMRs) กับนิวเคลียร์ฟิวชันกำลังเข้าสู่จุดตัดสินในไม่กี่ปีข้างหน้า โดยบริษัทต่าง ๆ จะเริ่มเปิดโรงงานผลิตพลังงานสะอาดเพื่อขายให้กับระบบไฟฟ้า และเทคโนโลยีที่สามารถให้พลังงานในราคาถูกและสร้างได้รวดเร็วที่สุด จะกลายเป็นมาตรฐานของโลกในอนาคต  และที่สำคัญ เทคโนโลยีในโลกอนาคต ต้องการพลังงานมากๆๆ ครับ 

บทบาทของประเทศจีน ก็น่าสนใจมากครับ  มีการขุดพบแร่ธาตุ ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ธอเรียม  (Thorium) ซึ่งจุดประกายความหวังถึงการผลิตพลังงานสะอาดในต้นทุนที่ต่ำ  มันเป็นส่วนผสมในแร่หลายอย่าง ครับ  และ จีนกำลังขับเคลื่อนโครงการพัฒนา “เตาปฏิกรณ์เกลือหลอมเหลวจากทอเรียม (thorium molten salt reactor)” ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญต่อพลังงานนิวเคลียร์ฟิชชันในอนาคต   ที่น่าประหลาด คือ การวิจัยแร่นี้ ได้เริ่มที่สหรัฐฯ แต่ยกเลิกไปเนื่องจากว่า ในขณะนั้น เงินทุนวิจัยไปเน้นที่พลังงานนิวเคลียร์แบบฟัวชัน ครับ งานวิจัยนี้จึงยกเลิกไป แต่จีน กลับไปนำเอาการวิจัยนี้ มาศึกษาและทดลองเอง ครับ 

ความก้าวหน้าโครงการจีน

1. เตา TMSR LF1 Prototype (2 MWₜ)  พัฒนาโดยสถาบัน Shanghai Institute of Applied Physics (SINAP) ของ Chinese Academy of Sciences (CAS) เริ่มได้ลิขสิทธิ์ให้เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน 2023, และเข้าสู่การทดลองไฟเต็มกำลัง 2 MW ในเดือนมิถุนายน 2024 ก่อนจะทำการเติมเชื้อเพลิงทอเรียมอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคม 2024 โดยไม่ต้องหยุดเครื่อง   การเติมเชื้อเพลิงแบบ “on the fly refueling” ถือเป็นครั้งแรกของโลกในเตา MSR ให้เปรียบเสมือนขั้นก้าวหน้าที่ช่วยลดการหยุดเดินเครื่อง และเพิ่มความคุ้มค่าการใช้งาน .

โครงการขยายต่อยอด (2025–2030)   จีนมีแผนสร้างเตา liquid fuel ขนาด 60 MWₜ (ผลิตไฟ ~10 MWₑ) เริ่มก่อสร้างปี 2025 ตั้งเป้าใช้งานได้ราวปี 2029–2030  หลังจากนั้น มีแผนสร้างจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (smTMSR 400) ขนาด 400 MWₜ (~168 MWₑ) เริ่มก่อสร้างปี 2030 ในจีนและ BRICS

จีนมีแหล่งแร่ทอเรียมในมองโกเลียในกว่า 1 ล้านตัน เพียงพอต่อการใช้เป็นพลังงานกว่า 20,000–60,000 ปี   โครงการนี้เป็นครั้งแรกในโลกที่เติมเชื้อเพลิงระหว่างเดินเครื่องอย่างต่อเนื่อง แสดงความเป็นผู้นำเทคโนโลยี MSR ซึ่งหายไปนานตั้งแต่ยุค Oak Ridge ปี 1960s. แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีความท้าทายสำคัญ เช่น การจัดการวัสดุทนการกัดกร่อนของเกลือหลอมเหลว และความเสี่ยงด้านการแพร่กระจายวัสดุ fissile เช่น ยูเรเนียม 233  

จีนกำลังเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีทอเรียม MSR อย่างจริงจัง ตั้งแต่ต้นแบบจนถึงเชิงพาณิชย์ในไม่กี่ปีข้างหน้า พร้อมทั้งมีแหล่งเชื้อเพลิงปริมาณมหาศาลอยู่แล้ว หากสำเร็จตามแผน เตา MSR แบบทอเรียมอาจกลายเป็นเทคโนโลยีพลังงานหลักยุคหน้า ที่ปลอดภัย สะอาด และยั่งยืนครับ แต่ คำถามที่เราต้องถามตัวเรา  แล้วประเทศไทย อยู่ตรงจุดไหน ครับ

ศิษย์ สุมาเต็กโซ

แบ่งปันบทความนี้