Search
Close this search box.
คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและการลงทุนในสกุลเงินอื่น

คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและการลงทุนในสกุลเงินอื่น

ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Berkshire Hathaway ที่เมือง โอมาฮา รัฐเนแบรสกา สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมานี้ คุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าวคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและการลงทุนในสกุลเงินอื่น ๆ โดยท่านกล่าวว่า “Obviously, we wouldn’t want to be owning anything that we thought was in a currency that was really going to hell,” และ “There could be things that happen in the US that make us want to own a lot of other currencies,” เป็นส่วนหนึ่งของการตอบคำถามในช่วงถาม-ตอบที่ยาวนานถึง 5 ชั่วโมงในงานดังกล่าว

นอกจากนั้น ในงานเดียวกัน บัฟเฟตต์ยังได้ประกาศการเกษียณอายุของเขาอย่างน่าประหลาดใจ โดยระบุว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของ Berkshire Hathaway ภายในสิ้นปี 2025 และแนะนำให้ เกร็ก อาเบล (Greg Abel) ขึ้นเป็น CEO คนต่อไป

วันนี้ ผมจึงอยากจะพูดถึง เกี่ยวกับ คำเตือน ของเขาให้เพื่อนๆ ทราบ

คำเตือนของคุณปู่วอร์เรน บัฟเฟตต์ เกี่ยวกับความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการนำ “มาตรฐานทองคำ” (gold standard) กลับมาใช้ในสหรัฐฯ ซึ่งเชื่อมโยงกับแผน “Project 2025” ที่กำลังถูกนำไปปฏิบัติอย่างรวดเร็ว โดยมีประเด็นหลักดังนี้:

1. Project 2025 และการปฏิรูป: แผน Project 2025 เป็น playbook ขนาด 900+ หน้าที่มุ่งเปลี่ยนโครงสร้างการปกครองของสหรัฐฯ โดย 42% ของแผนนี้ถูกนำไปใช้แล้วใน 91 วัน รวมถึงการควบคุมธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) และการฟื้นฟูมาตรฐานทองคำ

2. การกลับสู่มาตรฐานทองคำ:

  • มีการเสนอให้ยกเลิกการตัดสินใจของประธานาธิบดีนิกสันในปี 1971 ที่ยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำและ กลับไปใช้มาตรฐานทองคำซึ่งอาจจำกัดการขยายตัวของปริมาณเงิน ลดการใช้จ่ายของรัฐบาล ควบคุมเงินเฟ้อ และลดอำนาจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
  • ผู้สนับสนุน เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ และสตีฟ แบนนอน เห็นว่ามาตรฐานทองคำจะสร้างความมั่นคงให้ค่าเงิน

แต่การกลับมาใช้มาตรฐานทองคำ นั้น จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ เพราะราคาทองคำอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับการสำรองทองคำ (fractional reserve system) เช่น หากต้องสำรอง 10% ของปริมาณเงิน M1 ราคาทองคำต้องเพิ่มขึ้นสองเท่า หากสำรอง 50% อาจต้องเพิ่มขึ้น 10 เท่า ในปัจจุบัน สหรัฐฯ มีทองคำสำรอง 261 ล้านออนซ์ มูลค่าประมาณ 900 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการสำรอง 100% ที่ราคาทองคำปัจจุบันนี้ ทำให้ราคาทองอาจจะสูงขึ้นอีกหลายเท่า

ส่วนความเป็นไปได้ในทางกฎหมาย อาจจะทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้อำนาจฝ่ายบริหาร (executive order) เพื่อนำมาตรฐานทองคำกลับมา โดยอ้างว่าอดีตประธานาธิบดีนิกสัน เพียงแค่ “ระงับชั่วคราว” การผูกดอลลาร์กับทองคำ เท่านั้น การเคลื่อนไหวนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำบางกลุ่มที่ต้องการลดการพึ่งพานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น นายเจย์ พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางคนปัจจุบัน เขาคัดค้านการกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ เพราะจะจำกัดความยืดหยุ่นในการจัดการเศรษฐกิจ ในขณะที่อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างเข่น นายอลัน กรีนสแปน ก็ยังเคยสนับสนุนทองคำในฐานะ “สกุลเงินหลักของโลก” และเตือนว่า การไม่มีมาตรฐานทองคำ ทำให้เงินเฟ้อคุกคามการออม

การกลับไปใช้มาตรฐานทองคำเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงและเปลี่ยนแปลงระบบการเงินอย่างมาก ในฐานะของผู้ลงทุนควรจับตาการเคลื่อนไหวนี้ เนื่องจากนโยบายกำลังเปลี่ยนเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เรามาวิเคราะห์สถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น กันหน่อยดีกว่า …..

ผลกระทบต่อทองคำ: หากสหรัฐฯ กลับไปใช้มาตรฐานทองคำ ราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการทองคำจะเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นทุนสำรองเงินตรา โดยเฉพาะถ้าต้องการสำรองในระดับสูง (เช่น 10%-50% ของปริมาณเงิน M1) ตามที่ระบุข้างต้น ราคาทองคำอาจเพิ่มขึ้น 2-10 เท่าจากระดับปัจจุบัน (ประมาณ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์) อีกทั้ง ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก เช่น สงครามการค้า และนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อาจยิ่งผลักดันให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนทั่วโลกต้องการ

ผลกระทบต่อดอลลาร์สหรัฐ: การกลับไปใช้มาตรฐานทองคำอาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงในระยะสั้น เนื่องจากจะจำกัดการพิมพ์เงินของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) และลดความยืดหยุ่นในการจัดการนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกในปัจจุบัน ในการค้าขายระหว่างประเทศ และเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศที่หลายประเทศดำรงไว้อยู่ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจไม่ทำให้ดอลลาร์สูญเสียความสำคัญในทันที แต่ความผันผวนอาจสูงขึ้น

ผลกระทบต่อประเทศไทย: ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและค้าทองคำรายสำคัญ (น่าเสียดาย ที่สัมปทานนี้เป็นของคนต่างชาติ เพราะ นักการเมืองที่ฉลาดๆ ของประเทศไทย ทำไว้ให้พี่น้องไทยในอนาคต) และน่าจะมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการค้าทองคำของโลก การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำอาจเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมทองคำในประเทศ แต่ค่าเงินบาทอาจผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำ ซึ่งอาจกระทบต่อต้นทุนการนำเข้าสินค้าและการส่งออก

ดังนั้น กลยุทธ์สำหรับเพื่อน ๆ ก็คือ เราควรเตรียมตัว และควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยง (diversification) และความเหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว เช่น การลงทุนในทองคำ เหตุผลที่ควรลงทุน คือ อย่างไรเสีย ทองคำก็เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่แน่นอนทางการเมือง หากมีการกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ ใช่จริง ราคาทองคำมีโอกาสพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ ในประเทศไทย ทองคำสามารถซื้อขายได้ง่ายผ่านร้านค้าทองคำ และสามารถถือครองในรูปแบบทองคำแท่งหรือเครื่องประดับ หรือ ไม่ก็ เพื่อน ก็ลงทุนในกองทุนรวมทองคำ (Gold ETF): เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการถือครองทองคำจริง โดยลงทุนผ่านกองทุนที่อ้างอิงราคาทองคำในตลาดโลก หรือไม่ก็ หุ้นบริษัทเหมืองทองคำ: การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการขุดทองคำ เช่น Newmont Goldcorp อาจให้ผลตอบแทนสูงในช่วงที่ราคาทองคำพุ่ง

ข้อควรระวัง: การลงทุนมีความเสี่ยง ครับ ราคาทองคำอาจผันผวนในระยะสั้น โดยเฉพาะหากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง หรือหากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ค่าธรรมเนียมและต้นทุนการจัดเก็บทองคำจริงอาจสูง ควรคำนวณให้รอบคอบ

อย่างที่ผม มักจะบอกเพื่อนๆ ว่า แม้ว่าการกลับไปใช้มาตรฐานทองคำ อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าในระยะสั้น แต่ดอลลาร์ยังคงเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกและมีสภาพคล่องสูง ดังนั้น การถือครองดอลลาร์อาจเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเงินบาท โดยเฉพาะหากประเทศไทยเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้าหรือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ผมจึงมักจะแนะนำว่า เพื่อนๆ น่าจะลองไปเปิด บัญชีเงินฝากสกุลเงินดอลลาร์: เปิดบัญชีเงินฝากสกุลเงินต่างประเทศ (FCD) กับธนาคารในประเทศไทย เพื่อถือครองดอลลาร์ในรูปแบบเงินฝาก แต่ก็ต้องข้อควรระวัง: ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้ขาดทุนเมื่อแปลงดอลลาร์กลับเป็นเงินบาท หากมาตรฐานทองคำถูกนำกลับมาใช้ ดอลลาร์อาจสูญเสียมูลค่าสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับทองคำหรือสินทรัพย์อื่นๆ แต่จะเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น

ศิษย์ สุมาเต็กโซ

แบ่งปันบทความนี้