Search
Close this search box.
การแข่งขันระดับโลกที่ไม่ได้วัดกันแค่ GDP

การแข่งขันระดับโลกที่ไม่ได้วัดกันแค่ GDP

คำถามที่คนทั่วโลกตั้งไว้ไม่เคยเปลี่ยน… “จีนจะชนะสหรัฐฯ ได้หรือไม่?” แต่คำถามนี้อาจล้าสมัยไปแล้ว เพราะ มันไม่ใช่แค่การแข่งขันทางเศรษฐกิจ แต่คือการแย่งชิง “บทบาทผู้นำของโลกในยุคใหม่” สนามรบใหม่ไม่ได้อยู่ในคาบสมุทรใดๆ แต่คือห้องวิจัย, ฐานข้อมูล, และสมองกลของหุ่นยนต์ยุคหน้า การที่ประเทศหนึ่งสามารถควบคุมเทคโนโลยีระดับสูงได้ก่อน ย่อมหมายถึงอำนาจสูงสุดในการนิยามอนาคตของมนุษยชาติ

จีนกับกลยุทธ์หุ่นยนต์ระดับชาติ

จีนกำลังเดินเกมรุกอย่างจริงจัง ด้วยการเปิด “ศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์” ใจกลางเซี่ยงไฮ้ พื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตรนี้รองรับหุ่นยนต์กว่า 100 รุ่นจากทั่วประเทศ และออกแบบให้เป็นแหล่งรวมข้อมูลขนาดใหญ่ที่เน้น “การฝึกหุ่นยนต์ด้วยมือมนุษย์” แนวทางของจีนคือการใช้ “ผู้ฝึกสอนมนุษย์” ควบคุมร่างของหุ่นยนต์ซ้ำๆ มากถึง 600 ครั้งต่อวัน เพื่อสร้างฐานข้อมูลสำหรับการเรียนรู้ในแต่ละงาน เป้าหมายของศูนย์นี้คือการสร้างข้อมูลให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาสั้นที่สุด และเปิดให้ผู้ผลิตหุ่นยนต์ทั่วประเทศเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นได้ จีนไม่ได้ทำสิ่งนี้เพียงเพราะอยากตามตะวันตกให้ทัน แต่เพราะมองว่า “หุ่นยนต์อัจฉริยะ” คือหัวใจของศตวรรษที่ 21

ส่วนฝั่งตะวันตก: เทคโนโลยีจากเอกชน สู่ยุทธศาสตร์ระดับชาติ ในขณะที่จีนใช้พลังของภาครัฐ สหรัฐฯ และยุโรปกลับให้ “ภาคเอกชน” ขับเคลื่อนเทคโนโลยีหุ่นยนต์ Tesla, Figure AI, Apptronik, Agility Robotics, Sanctuary AI และอื่นๆ ต่างพัฒนา “สมองกล” ที่เรียนรู้จากข้อมูลจริงและข้อมูลสังเคราะห์ ไม่ต้องอาศัยผู้ฝึกสอนนับพันคนให้หุ่นยนต์ทำงานซ้ำๆ Tesla โดยเฉพาะ ได้พัฒนาเครือข่ายประสาทเทียมที่ไม่เพียงแต่ทำให้หุ่นยนต์เดินและทำงานได้เอง แต่ยังสามารถ เรียนรู้จากหุ่นยนต์ตัวอื่นและ “อัปโหลดความรู้” ไปยังเครื่องรุ่นเดียวกันทั่วโลกได้ทันที เหมือนในหนัง The Matrix นี่คือแนวทางแบบ “กระจายอัจฉริยะ” ที่ลดการพึ่งพาทรัพยากรมนุษย์และเปิดทางให้ AI ขยายขีดความสามารถอย่างไร้ขีดจำกัด

ไม่ใช่แค่ภาษี – แต่คือสงครามเพื่ออำนาจแห่งโลกอนาคต

แม้สื่อจะพูดถึงภาษีและการค้าเป็นหลัก แต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่สหรัฐฯ และจีนกำลังต่อสู้กัน คือการเป็นผู้นำโลกด้านเทคโนโลยีระดับสูง ตั้งแต่ AI, ควอนตัม, รถไร้คนขับ, เศรษฐกิจอวกาศ ไปจนถึงการตัดต่อพันธุกรรม

การควบคุมเทคโนโลยี = การควบคุมอนาคต

และเมื่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า “จีนไม่ซื่อสัตย์” พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทของจีนในปัญหายาเสพติดอย่างเฟนทานิล นั่นไม่ใช่เพียงประเด็นการเมือง แต่เป็นสัญญาณของ “การตีกรอบและควบคุมความก้าวหน้า” ของอีกฝ่าย

ผู้นำโลกใหม่จะถูกตัดสินด้วยสมองกล ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าสหรัฐฯ กำลังเสียตำแหน่ง แต่วันนี้ ความหวังนั้นกลายเป็น “ยุทธศาสตร์” และจีนเองก็กำลังตอบโต้ด้วยการสร้างระบบนิเวศของตนเอง นี่คือ สงครามเงียบที่ไร้ควันปืน แต่เดิมพันสูงกว่าทุกครั้งในประวัติศาสตร์

ศิษย์ สุมาเต็กโซ

แบ่งปันบทความนี้