สวัสดีครับ เพื่อนๆ เราจะมาคุยกันเรื่องอะไรดีละ วันนี้ เพื่อนๆ มีความรู้สึกเหมือนผม หรือ ไม่ว่า “พวกเรากําลังเข้าสู่ยุคแห่งความโกลาหล” เพราะอะไร รู้ไหม ในความเห็นของผม ผมคิดว่า ปี 2024 จะเป็นหนึ่งในทศวรรษที่อันตรายที่สุด น่าตื่นเต้น วุ่นวาย และเต็มไปด้วยโอกาสในประวัติศาสตร์โลก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ เมกะเทรนด์ขนาดมหึมาหลายเทรนด์ที่พุ่งเข้าสู่โลกพร้อมกัน
เพื่อให้เข้าใจ เราจะมาพูดคุยกัน ครับ ว่า อะไร คือ “ตัวแทนความโกลาหล” (Chaos Agents) เหล่านั้น
หนึ่งใน Chaos Agents เหล่านี้ คือ สิ่งที่ผมจะเรียกว่า Four D’s – Debt, Deficits, and Dollar Debasement นั่นคือ หนี้สิน การขาดดุล และการอ่อนค่าของดอลล่าร์ ครับ ทำไมผมคิดเช่นนั้น รัฐบาลในประเทศใหญ่ที่สําคัญ ส่วนใหญ่ทั่วโลก ได้ให้คํามั่นสัญญากับประชาชนของเขามากจนเกินไป นโยบายประชานิยม ที่ทำกันในเกือบทุกประเทศ พวกเขากําลังดิ้นรนภายใต้ภาระหนี้มหาศาลและหนี้สินที่ไม่มีเงินทุน สิ่งเหล่านี้ พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้ด้วยคะแนนเสียง และ เงิน ที่พิมพ์ขึ้นมา พวกเขาพยายามจ่ายด้วยเงินที่เสกสร้างขึ้นมา และ นั่นคือ เสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น สิ่งนี้กําลังก่อให้เกิดการเสื่อมราคาสกุลเงินครั้งใหญ่และความโกลาหลของตลาดการเงินของหลายประเทศ อย่างเงียบๆ ครับ
พวกเรากลับมามองไปยังสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่กำลังจะมาถึง ด้วยความคิดของโดนัลด์ ทรัมป์ที่จะกําจัดภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลาง และ ความคิดของกมลา แฮร์ริส ที่จะลดภาษีให้กับชาวอเมริกัน 100 ล้านคน สถานการณ์นี้จะเลวร้ายลงให้กับสหรัฐฯ หลังจากวันที่ 5 พฤศจิกายน เท่านั้น มันแย่แค่ไหนในอเมริกา?
หากพวกเราพิจารณาตัวเลขล่าสุดจากรัฐบาลสหรัฐฯ เกี่ยวกับการไหลเข้าของภาษีและการไหลออกของการใช้จ่าย พวกเราจะทราบว่า ดอกเบี้ยหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อยู่ที่ 882 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2024 และเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่ากลัวมาก กอปรกับการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศนี้ อยู่ที่ 874 พันล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่า สหรัฐฯ กําลังใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยสำหรับหนี้สินมากกว่าที่พวกเขาใช้จ่ายในการป้องกันประเทศเสียอีก มันดูบ้าไปแล้ว ใช่ไหม?
แต่ดูเหมือนว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่และผู้นําทางการเมืองของสหรัฐฯ จำไม่แคร์และไม่สนใจที่จะลดการใช้จ่ายของประเทศ เลย ครับ ดังนั้นในความเห็นของผม ผมจึงคิดว่า ถนนทุกสายกำลังจะนําไปสู่การลดค่าหรือเสื่อมค่าของเงินดอลลาร์มากขึ้น ในอนาคต นี่คือเหตุผลว่า ทำไม ทองคํา เงิน และค่าป้องกันความเสี่ยงอื่น ๆ จึงมีราคาพุ่งสูงขึ้น และถ้าผมจะพูดให้ถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ราคาของสิ่งเหล่านี้จะพุ่งสูงขึ้น และ… อาจจะสูงขึ้นมากกว่านี้อีก ครับ
Chaos Agents อีกตัว ก็คือ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบทวีคูณ เป็นเวลานานมาก กว่าหลายปี ที่เราจะเห็นว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เติบโตในอัตราที่ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่เช่นนั้น อีกต่อไป ครับ คอมพิวเตอร์ กําลังก้าวหน้าในอัตราเลขทวีคูณ อย่างเหลือเชื่อ ในทุกปี พวกเราจะเห็น การเติบโตทางคอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้นและทรงพลังมากขึ้น และสิ่งเหล่านี้ ยังราคาที่ถูกลงและขนาดเล็กลงด้วย แนวโน้มของการพัฒนานี้ มันมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจ มันทําให้โลกของพวกเรากําลังเปลี่ยนแปลงในอัตราที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หมายความว่าอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ถูกสร้างขึ้นด้วยความเร็วแสง… และในขณะเดียวกัน การพัฒนาที่รวดเร็วนี้ กลับทําลายธุรกิจเก่า ในอัตราเดียวกัน เช่นกัน
ตัวอย่างง่ายๆ ครับ แค่ดู การเปิดตัวของ ChatGPT ซึ่งเป็น AI Chat Bot ของ OpenAI มีผู้ใช้งานถึง 100 ล้านคนต่อเดือนในสองเดือนแรก มันเร็วมากๆ เมื่อเทียบกับ การเปิดตัวของ Facebook ในปี 2004 ใช้เวลา 4.5 ปี ถึงจะมีผู้ใช้จํานวนมากขนาดนั้น และแอปสตรีมเพลง Spotify ใช้เวลา 10 ปีในการไปถึงระดับนั้น
อีกเรื่อง คือ ความก้าวหน้าแบบทวีคูณ กําลังมอบ ให้แก่ AI หุ่นยนต์ขั้นสูง ยานพาหนะอัตโนมัติ ยาเฉพาะบุคคล และการเดินทางในอวกาศรูปแบบใหม่
สิ่งเหล่านี้ มันจะนำไปสู่ผลตอบแทนในตลาดหุ้นขนาดใหญ่สําหรับคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างที่ผมเคยบอกเสมอว่า Tesla ไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์ นะ ครับ มันเป็นบริษัท AI ครับ …. Nvidia Corp. ผู้ผลิตชิป AI ชั้นนํา (NVDA) เพิ่งแตะจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล ตอนนี้เพิ่มขึ้นประมาณ 850% ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว และมีมูลค่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ นั่นทําให้เป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองในอเมริกาตามมูลค่าตามราคาตลาดรองจาก Apple Inc. (AAPL) เท่านั้น
ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ มันกำลังชี้บอกให้พวกเรา ที่เข้าใจบริบทที่เปลี่ยนแปลง หรือ กำลังจะเปลี่ยนแปลง ให้เน้นการลงทุน ไปยังสิ่งเหล่านี้ ครับ ตัวอย่างเช่น กองทุนหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ETF (BOTZ) มันเป็นหนึ่งใน ETF สําหรับการลงทุนในความก้าวหน้าแบบทวีคูณ และมันกําลังเคาะประตูของระดับสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ และหากทะลุเหนือ 33 ดอลลาร์ ก็จะเป็นยืนยันความน่าเชื่อถือของกรณีการลงทุนขาขึ้นที่เกี่ยวกับหุ่นยนต์และ AI ครับ
อีกเรื่อง ที่ผมก็พูดออกบ่อย ทําไม หุ้นยูเรเนียม ถึงสูง เป็นประวัติการณ์ ? ง่ายๆ ครับ เราเห็นบริษัทฯ ทางด้านเทคโนโลยี AI Data Center และ Cloud Computing มีการขยายตัวค่อนข้างสูงเพื่อการเปลี่ยนผ่านจากโลกปัจจุบัน ไปสู่โลกเทคโนโลยีชั้นสูง การดำเนินการเหล่านี้ ใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูง และเสถียรมาก การฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่อาจต้องใช้พลังงานมากกว่างานการคํานวณทั่วไปถึงหลายพันเท่า บางแหล่งประเมินว่าศูนย์ข้อมูลที่ทุ่มเทให้กับ AI ใช้พลังงานมากกว่าศูนย์ที่จัดการปริมาณงานแบบเดิมถึง 15 เท่า
พลังงานต่างๆ อาทิ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เหล่านี้ อาจจะต้องใช้เนื้อที่ในการผลิตพลังงานจำนวนมหาศาล และความมั่นคงและเสถียรในการจ่ายพลังงานอาจจะไม่ 100 % และอาจจะไม่ได้ 24/7 ใน 365 วัน ซึ่งหากไม่สามารถดำเนินการได้ชั่วขณะ นั่นหมายถึงความเสียหายจำนวนมหาศาลครับ
ดังนั้น พลังงานนิวเคลียร์ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม มันเป็นตัวเลือกพลังงาน “โหลดพื้นฐาน” ที่สะอาดเพียงตัวเลือกเดียวที่สามารถทํางานได้ในขนาดใหญ่ ในพื้นที่จำกัด ครับ
พลังงานพื้นฐาน คือ ปริมาณไฟฟ้าขั้นต่ำอย่างต่อเนื่องที่จําเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของกริด มันจําเป็นต่อการรักษาเสถียรภาพของกริด หากไม่มีมัน พวกเราจะเสี่ยงต่อการดับไฟและไฟดับ นี่คือเหตุผลที่นิวเคลียร์กําลังได้รับความสนใจ ในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ขับเคลื่อนด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีแบบทวีคูณ และ นี่คือ เหตุผล ที่ผม แนะนำว่า พวกเราควรมีหุ้นประเภทนี้อยู่ใน portfolio ของเรา ครับ
แนวโน้มเหล่านี้จะเร่งขึ้นเมื่อ AI ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อ AI กลายเป็นซูเปอร์โนวา เมื่อวันก่อน มีคนถามฉันว่าอะไรคือเรื่องใหญ่ต่อไปสําหรับ AI…… พวกเขาหมายถึง กิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์หรือบริการถัดไปที่จะดึงดูดสายตาและคลิกและเงินทองของผู้คนหลายร้อยล้านคน เรื่องใหญ่ต่อไปที่จะกระตุ้นความสนใจอย่างมาก
หากให้ผมคิดเอง นะ ผมว่า มันน่าจะเป็นเรื่องของผู้ช่วย AI ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง ครับ เพื่อนๆ ทุกคนรู้ว่า Siri และ Alexa ซึ่งค่อนข้างพื้นฐาน พวกเราสามารถขอให้เล่นเพลงตามคําสั่งได้ และขอให้บอกการพยากรณ์อากาศให้ได้ก่อนออกจากบ้าน ผมมีอยู่ในบ้าน ก็ถามบ่อยครับ แต่สิ่งเหล่านี้ มันทําพื้นฐานๆ กึ่งมีประโยชน์อื่น ๆ ได้บ้าง แต่เดี๋ยวนี้ เราไปไกลกว่านั้นแล้วครับ และสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการ คือ แอป AI ที่สามารถตอบสนองความต้องการและแนะนำเราได้ด้วย เช่น จัดทัวร์เดินทางในต่างประเทศให้ หรือ “ให้มันจอง 4 คนที่ร้านสเต็กที่ยอดเยี่ยมภายใน 15 นาทีจากบ้านเวลา 18.00 น. ในวันเสาร์”… อะไร ทำนองนั้น
ผมว่า พวกเราต้องการอะไร ที่แบ่งเบางานในชีวิตเรา บ้าง อย่างเช่น การค้นหาโรงแรม เที่ยวบิน คําตอบที่เป็นประโยชน์สําหรับคําถามทางการแพทย์ คําถามทางกฎหมาย และผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อ ว่าอะไรดีกว่ากัน หรือ จะหาซื้อได้ที่ไหน ผมว่า สิ่งเหล่านี้มีประโยชน์กับเรา และ เราต้องการให้มันช่วยเราประหยัดเงิน เวลา และความยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่ต้องมานั่งปวดหัว หรือทะเลาะกับแฟน ที่บ้าน จริงไหม
ในส่วนนี้ เรากำลังเข้าใก้ลความจริงมากแล้วครับ เมื่อ Apple, Google, Meta หรือหุ้นเทคโนโลยี Magnificent Seven อื่น ๆ เปิดตัวผู้ช่วย AI ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง ความสนใจของ AI จะขึ้นสู่ระดับใหม่ทั้งหมด ในที่สุดมันจะเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนใช้มากที่สุดทุกวัน ทุกเวลา เหมือนกับผู้ช่วยส่วนตัว พวกเราจะโง่ขึ้น ครับ เพราะเราไม่ต้องใช้สมองมาก ทุกอย่าง AI มันจัดการ และ จัดระเบียบให้เรา ตั้งแต่ตื่น จนถึงนอน เลยครับ
นาย Luke Lango ผู้เชี่ยวชาญด้าน Hypergrowth และนักวิเคราะห์อาวุโสของ InvestorPlace เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เขาคิดว่ามันจะเป็น Apple Intelligence ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดตัว
Apple มีลูกค้าจํานวนมากและเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงมากจนกําลังจะมอบ AI ที่มีประสิทธิภาพสูงไปอยู่ในมือของผู้คนหลายร้อยล้านคน มันจะอยู่บนแล็ปท็อปของคุณ แท็บเล็ตของคุณ โทรศัพท์ของคุณ แม้แต่นาฬิกาของคุณ คุณจะเห็นผู้คนใช้มันที่สํานักงาน บนรถไฟ บนรถบัส ที่สนามบิน ในร้านอาหาร
สิ่งนี้จะกระตุ้นให้เกิดความต้องการฟีเจอร์และผลิตภัณฑ์ AI จากบริษัทอื่น ๆ บวกกับคลื่นลูกใหญ่ของความต้องการใหม่สําหรับการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ AI ดังนั้น ผมกำลังบอกเพื่อนๆ ณ ตอนนี้แล้ว นะครับ ว่า หากคุณคิดว่า AI เป็นปรากฏการณ์ที่ตื่นเต้นในตอนนี้ คุณยังไม่ได้เห็นอะไรเลย Chat GPT เป็นบิ๊กแบงสําหรับ AI Apple Intelligence จะเป็นบิ๊กแบงครั้งที่สอง (รีบไปเก็บหุ้นได้แล้วน ครับ)
สุดท้ายนี้ เพื่อนๆ ครับ นี่ก็ใก้ลวันเลือกตั้งประธานธิบดี ของ ประเทศสหรัฐฯ แล้วนะ ครับ (วันที่ 5 พฤศจิกายน) ถ้าผมจำไม่ผิด พวกเราน่าจะสังเกตเห็นว่า พวกเขามีการแบ่งขั้วอย่างสุดโต้งเลยคราวนี้ มันเป็นการเลือกตั้งที่จะต่อสู้กันเป็นเวลานานหลังจากการโหวตครั้งสุดท้าย นั่นจะเร่งยุคแห่งความโกลาหลที่มีอยู่แล้วในไฮเปอร์ไดรฟ์ เท่านั้น สิ่งเหล่านี้ แสดงให้ผู้คนเห็นว่า เหตุใดความไม่แน่นอนของการเลือกตั้งจะยังคงยืดเยื้อเป็นเวลาหลายเดือน และนี่ก็คือเหตุที่จะทำให้เกิดความผันผวนของตลาดหุ้น
หากเพื่อนๆ เข้าใจมัน และใช้กลยุทธ์การซื้อขาย เพื่อนๆ ก็สามารถใช้มันให้เป็นประโยชน์เพื่อเปลี่ยนความผันผวนนี้ให้เป็นผลกําไรได้
สวัสดีครับ เพื่อชีวิต เสรีภาพ และการแสวงหาความมั่งคั่งในยุคแห่งความโกลาหลนี้ ครับ
ศิษย์ สุมาเต็กโซ / เขียนบทความ