ข่าวใหญ่ทางการเงินในสัปดาห์นี้ที่ผมต้องรีบเขียนบทความข่าวที่ทุกคนต้องทราบ คือการที่คนแห่กันถอนเงินจนธนาคารไม่มีเงินสดให้คนถอน มันอาจเป็นเดือนที่เสี่ยงที่สุดของ FED เพราะอาจกำลังเป็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่วิกฤต Bank Run ก้อเป็นได้ ฟังกันอีกครั้ง ,ครับ!!!!!

วิกฤต BANK RUN

คำว่า Bank Run คือการที่คนแห่กันถอนเงิน จนธนาคารมีความเสี่ยงที่จะไม่มีเงินสดคืนให้กับคนถอน ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของ ธนาคารกลางสหรัฐ” โดยมีตัวการสำคัญ คือ

ธนาคาร Silicon Valley ในสหรัฐ ที่มีเงินฝาก 6 ล้านล้านบาท ด้วยจำนวนนี้ใหญ่เป็น 2 เท่าของจำนวนเงินฝากในธนาคารกสิกรไทย จนล่าสุดธนาคารได้เกิดวิกฤต Bank Run ผู้กำกับดูแลในสหรัฐกำลังมาตรการคุมเข้ม สั่งปิดหรือสั่งปิด !!!!!

โดยปกติแล้วเมื่อมีคนมาฝากเงิน นอกจากธนาคารจะนำเงินไปปล่อยสินเชื่อแล้ว ธนาคารก็จะนำเงินไปซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตร หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Bond เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ ได้เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย ราคา Bond ก็จะผันผวน และไม่มีความเสี่ยงต่ำอย่างที่คิด เมื่อเราต้องการขายคืน Bond นั้นในตลาด ก่อนที่มันจะครบกำหนดอายุ ราคา Bond นั้นจะตกลงมากเพื่อมาชดเชยกับ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในขณะนั้น

ยกตัวอย่างเช่น เดิมทีธนาคารซื้อ Bond ในราคา 100 บาท ได้ดอกเบี้ย 2 บาท หรือ 2% แต่ถ้าทุกวันนี้ Bond ที่ออกใหม่ ราคา 100 บาท ให้ดอกเบี้ย 5 บาท หรือ 5% ถ้าธนาคารอยากขาย Bond เดิมได้ ก็ต้องลดราคา ลงมาเหลือ 40 บาท เพื่อให้ดอกเบี้ยที่ 2 บาท เพราะมันเป็น 5% ตามอัตราดอกเบี้ยในตลาดปัจจุบัน ธนาคารก็จะขาดทุน 100-40 = 60 บาท เมื่อขาย Bond เดิม จริงๆ ดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่ !!! ต้องรีบขาย Bond เดิม การที่คนแห่กันถอนเงิน เพราะกลัวธนาคารเจ๊ง ธนาคารจึงรีบขาย Bond เดิม ในราคาขาดทุน เพื่อเรียกเงินสดให้กับคนถอนเงิน นี่หรือเปล่าในภาวะที่ตลาดมีอัตราดอกเบี้ยสูง ธนาคารทุกวันนี้จึงทำแผนกลยุทธ์

*** เพราะตอนนี้กระดานใหม่ทางเศรษฐกิจของศตวรรษ กำลังก่อให้เกิดกู้ดอลล่าห์…
เพื่อมาแก้”วิกฤตเศรษฐกิจ” ทั่วโลก ***

คำถามคือแล้วธนาคารกลางจะเอาเงินจากไหนมารับซื้อ มาชนกระดานเพดาน !!!!

อ.ฉัตรชัย​ ผาสุขธรรม​ / เขียนบทความ

#tiivarietytalk #ทีไอไอทอล์ค​ #ประกันภัย #ประกันชีวิต #ประกันวินาศภัย