Search
Close this search box.
ภาษีการรับมรดกและภาษีการให้ในประเทศไทย (ปรับปรุง) ตอนที่ 2

ภาษีการรับมรดกและภาษีการให้ในประเทศไทย (ปรับปรุง) ตอนที่ 2

ต่อจากคราวที่แล้วครับ

พอผมกล่าวมาถึงจุดนี้ เพื่อนๆ หลายท่าน ก็ถามผมทันทีว่า คู่สมรส ที่จดทะเบียนสมรสตามกฏหมาย ไม่ต้องเสียภาษีการรับมรดก เลยหรือ อย่างไร ก็คงตอบว่า ใช่ มรดกที่ได้รับโดย คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดกตาม พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 เนื่องจากบทบัญญัติของกฎหมายกำหนดให้มรดกที่คู่สมรสได้รับจากเจ้ามรดก (คู่สมรสที่ถึงแก่ความตาย) ไม่ต้องเสียภาษี โดยมีเหตุผลและรายละเอียดดังนี้:

เหตุผลที่มรดกของคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสได้รับการยกเว้น

1. บทบัญญัติของกฎหมาย ตาม มาตรา 12 (3) แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 กำหนดว่า ทรัพย์สินที่ได้รับเป็นมรดกโดย คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการรับมรดก โดยไม่คำนึงถึงมูลค่าของมรดกที่ได้รับ ข้อยกเว้นนี้ใช้เฉพาะกับคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย (เช่น จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์) เท่านั้น คู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน (เช่น กิ๊ก หรือ คู่รักที่อยู่กินด้วยกันโดยไม่จดทะเบียน) จะไม่ได้รับการยกเว้นนี้ และต้องเสียภาษีหากมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท ดังนั้น ก่อนจะตาย ก็รีบไปจดทะเบียนสมรสเสีย ครับ

2. วัตถุประสงค์ของการยกเว้น

  • ส่งเสริมความมั่นคงในครอบครัว: การยกเว้นภาษีสำหรับคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คู่สมรสที่รอดชีวิตสามารถรับมรดกได้เต็มจำนวน โดยไม่ต้องแบกรับภาระภาษี ซึ่งช่วยให้ครอบครัวมีความมั่นคงทางการเงินหลังจากการสูญเสียคู่สมรส หลักความเป็นสินสมรส: ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1474 ทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้มาระหว่างสมรส เช่น ทรัพย์สินที่เป็นสินสมรส มักถือเป็นของคู่สมรสทั้งสองฝ่ายร่วมกัน ดังนั้น เมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย ทรัพย์สินที่เป็นมรดก (โดยเฉพาะสินสมรส) อาจถูกมองว่าเป็นส่วนที่คู่สมรสรอดชีวิตมีส่วนอยู่แล้ว การเก็บภาษีจากมรดกนี้อาจถือเป็นการเก็บภาษีซ้ำซ้อน
  • ลดภาระในสถานการณ์สูญเสีย: การเสียคู่สมรสมักนำมาซึ่งความยากลำบากทั้งทางอารมณ์และการเงิน การยกเว้นภาษีช่วยลดภาระให้คู่สมรสรอดชีวิต โดยเฉพาะในกรณีที่มรดกเป็นทรัพย์สินหลัก เช่น บ้านหรือเงินฝากที่ใช้ในการดำรงชีวิต

3. หลักการทั่วไปของภาษีการรับมรดก

  • ภาษีการรับมรดกมุ่งเก็บจากบุคคลธรรมดาที่ได้รับมรดกที่มีมูลค่าสูง (เกิน 100 ล้านบาท) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสถูกมองว่าเป็นหน่วยครอบครัวเดียวกันกับเจ้ามรดก ดังนั้น การเก็บภาษีจากคู่สมรสอาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการลดความเหลื่อมล้ำ เนื่องจากทรัพย์สินนั้นยังคงอยู่ในครอบครัวเดิม

4. การเปรียบเทียบกับทายาทอื่น

  • ทายาทอื่น เช่น บุตร ต้องเสียภาษีการรับมรดกหากมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท (เสียในอัตรา 5% สำหรับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย หรือ 10% สำหรับทายาทอื่น)
  • คู่สมรสได้รับการยกเว้นโดยสมบูรณ์ เพราะกฎหมายให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ทางกฎหมายที่ใกล้ชิดและสถานะของคู่สมรสในฐานะผู้มีส่วนในทรัพย์สินของครอบครัว

แต่ในประเด็นนี้ ผมมีข้อสังเกต ดังนี้ การจดทะเบียนสมรส ให้ได้สิทธิของการยกเว้นนี้ใช้เฉพาะคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเท่านั้น คู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน เช่น คู่สมรสโดยพฤตินัย จะไม่ได้รับการยกเว้นและต้องเสียภาษีหากมรดกเกิน 100 ล้านบาท ยกเว้น กับ ทรัพย์สินทุกประเภท: การยกเว้นครอบคลุมมรดกทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ที่ดิน หรือทรัพย์สินอื่น โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับมูลค่าหรือประเภทของทรัพย์ กรณีพิเศษ: หากคู่สมรสได้รับมรดกในฐานะอื่น เช่น ผู้รับพินัยกรรมที่ไม่ใช่คู่สมรส หรือได้รับมรดกจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรส การยกเว้นนี้อาจไม่ใช้ และต้องพิจารณาตามสถานะของผู้รับมรดก

บังเอิญ กฎหมายไม่ได้กำหนดเวลาไว้ ว่าจะต้องจดทะเบียนสมรสนานเท่าไหร่ก่อนเสียชีวิต ผมคิดว่า ถ้ารู้ว่าจะเสียชีวิต และยังรักกิ๊ก อยู่ ก็รีบไปจดทะเบียนสมรส ให้เขาก็ได้ครับ แต่สำหรับคนหลายเมีย ผมจดใจครับ เพราะ กฎหมายยกเว้นให้แค่คนเดียวครับ แต่หากเป็นศาสนาอื่น คำถามเกี่ยวกับการที่ศาสนาอื่น (เช่น ศาสนาอิสลาม) อนุญาตให้ชายมีภรรยาได้มากถึง 4 คน และการที่ภรรยาทั้งสี่คนนี้จะได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดกตาม พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาตามกฎหมายไทยและบริบทของการจดทะเบียนสมรส เพราะ ในประเทศไทย ภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายเท่านั้น ที่ได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดกตาม มาตรา 12 (3) แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ดังนั้น หากศาสนาอื่น เช่น ศาสนาอิสลาม อนุญาตให้มีภรรยาได้มากถึง 4 คน แต่ภรรยาคนใดไม่ได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทย เฉพาะภรรยาที่จดทะเบียนสมรสเท่านั้น ที่จะได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดก ส่วนภรรยาคนอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนจะไม่ได้รับการยกเว้น และอาจต้องเสียภาษีหากมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท

เหตุผลและรายละเอียด

1. กฎหมายไทยและการจดทะเบียนสมรส

  • ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1457 การสมรสในประเทศไทยต้องจดทะเบียนตามกฎหมายจึงจะสมบูรณ์และได้รับการยอมรับในทางกฎหมาย การสมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน (เช่น การแต่งงานตามพิธีศาสนาเพียงอย่างเดียว) ไม่ถือเป็นการสมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย
  • ในกรณีของศาสนาอิสลาม ซึ่งอนุญาตให้ชายมีภรรยาได้สูงสุด 4 คนตามหลักศาสนา (ซูเราะห์อัน-นิซาอ์ 4:3) การสมรสตามพิธีศาสนาอิสลาม (เช่น การทำนิเกาะห์) จะได้รับการยอมรับในทางศาสนา แต่ในทางกฎหมายไทย เฉพาะภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแพ่งเท่านั้น ที่ถือเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย และมีสิทธิในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย รวมถึงการได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดก
  • ประเทศไทยไม่อนุญาตให้จดทะเบียนสมรสกับภรรยามากกว่า 1 คนในเวลาเดียวกัน (ตามหลักการสมรสแบบเอกสมรส) ดังนั้น ในกรณีที่มีภรรยาหลายคนตามพิธีศาสนา ภรรยาคนแรกที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย จะเป็นคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายเพียงคนเดียว ส่วนภรรยาคนอื่นที่สมรสตามพิธีศาสนาแต่ไม่ได้จดทะเบียน จะถือเป็น คู่สมรสโดยพฤตินัย และไม่มีสถานะเป็นคู่สมรสตามกฎหมาย

2. การยกเว้นภาษีการรับมรดกสำหรับคู่สมรส

  • ตาม มาตรา 12 (3) แห่งพระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 การยกเว้นภาษีการรับมรดกใช้กับ คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย เท่านั้น
  • ดังนั้น หากเจ้ามรดก (สามี) มีภรรยา 4 คนตามพิธีศาสนา แต่มีเพียงภรรยาคนเดียวที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย:

ภรรยาที่จดทะเบียนสมรส จะได้รับการยกเว้นภาษีการรับมรดกสำหรับมรดกที่ได้รับ โดยไม่คำนึงถึงมูลค่า

ภรรยาคนอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส จะไม่ได้รับการยกเว้น และหากได้รับมรดกที่มีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีในอัตรา 10% (ตามมาตรา 16 วรรคสอง สำหรับผู้รับมรดกที่ไม่ใช่บุตรหรือบิดามารดา)

3. สิทธิในมรดกของภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรสเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดก ส่วนภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสไม่มีสถานะเป็นทายาทโดยธรรม และจะได้รับมรดกได้ก็ต่อเมื่อ เจ้ามรดกระบุให้เป็นผู้รับมรดกในพินัยกรรม (ผู้รับพินัยกรรม) หรือได้รับมรดกในฐานะอื่นตามกฎหมายหรือข้อตกลง หากภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสได้รับมรดก (เช่น ผ่านพินัยกรรม) และมรดกมีมูลค่าเกิน 100 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีการรับมรดกในอัตรา 10% เนื่องจากไม่มีสถานะเป็นคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส

4. บริบทของศาสนาอิสลามในประเทศไทย ในประเทศไทย มีการบังคับใช้ พระราชบัญญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล พ.ศ. 2489 ซึ่งอนุญาตให้มีการจัดการมรดกตามหลักศาสนาอิสลามใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงบางส่วนของจังหวัดสงขลา ในกรณีนี้ หากเจ้ามรดกเป็นมุสลิมและเสียชีวิตในพื้นที่ดังกล่าว มรดกจะถูกแบ่งตามหลักฟาราอิฎ (กฎหมายมรดกอิสลาม) ซึ่งภรรยาทั้ง 4 คน (ที่สมรสตามพิธีนิเกาะห์) อาจได้รับส่วนแบ่งมรดกตามหลักศาสนา อย่างไรก็ตาม แม้ในพื้นที่ที่ใช้กฎหมายอิสลาม การเสียภาษีการรับมรดกยังคงอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติภาษีการรับมรดก พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกฎหมายแห่งชาติ ดังนั้น เฉพาะภรรยาที่จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายแพ่งเท่านั้นที่ได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนภรรยาคนอื่นที่สมรสตามพิธีศาสนาแต่ไม่ได้จดทะเบียนจะต้องเสียภาษีหากมรดกเกิน 100 ล้านบาท

ศิษย์ สุมาเต็กโซ

แบ่งปันบทความนี้