จีนผงาดในอเมริกาใต้ เปิดท่าเรือขนส่งใหม่ ส่งผลกระทบต่อการค้าไทยและภูมิรัฐศาสตร์โลก
ประเทศสหรัฐอเมริกาแทบคลั่ง เพราะรู้ว่าจีนเพิ่งเปิดท่าเรือขนส่งที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกในอเมริกาใต้ โดยนี่คือข้อมูลสำคัญที่เพื่อนๆควรรู้ :
- ท่าเรือนี้ตั้งอยู่ที่ไหน?
ท่าเรือมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์นี้ตั้งอยู่ในเมืองชานคาย (Chancay) ประเทศเปรู และเป็นจุดศูนย์กลางใหม่ของการขนส่งระหว่างอเมริกาใต้และเอเชีย พร้อมเส้นทางใหม่ที่เรียกว่า “เส้นทางการขนส่งสินค้า จีน-ละตินอเมริกา” - ท่าเรือนี้ช่วยอะไรได้บ้าง?
แต่เดิมมา เรือสินค้าจากเปรู หรือ อเมริกาใต้ จะต้องล่องขึ้นไปยังแคลิฟอร์เนีย เพื่อรอให้มีสินค้าครบก่อนข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ท่าเรือแห่งใหม่นี้สามารถรองรับสินค้าได้มากขึ้น ทำให้เรือสามารถแล่นตรงไปยังเอเชียได้ทันที ช่วยลดเวลาเดินทางไปได้หลายสัปดาห์ เพื่อนๆ ครับ การค้าขายระหว่างเอเชีย กับ ประเทศในอเมริกาใต้ นั้น ไม่ใช่ไกลกันอีกต่อไปแล้ว - ทำไมจีนถึงลงทุนในโครงการนี้?
จีนมีเหตุผลสำคัญสองประการในการเปิดท่าเรือนี้:
- ประการแรก การเปิดท่าเรือนี้ทำให้สหรัฐฯ สูญเสียธุรกิจขนส่งสินค้าจำนวนมากกับอเมริกาใต้ เนื่องจากเรือจะไม่ต้องผ่านสหรัฐฯ เพื่อไปยังเอเชีย ส่งผลให้สหรัฐฯ สูญเสียรายได้ในส่วนนี้
- ประการที่สอง จีนจะได้รับอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นในอเมริกาใต้ ทั้งในด้านการค้าและทรัพยากรธรรมชาติ เพราะประเทศในแถบนี้จะต้องพึ่งพาการลงทุนจากจีนมากขึ้น นี่เป็นอีกตัวอย่างของการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยตรง
สำหรับประเทศไทยนั้น มีหลายมิติ และน่าสนใจครับ กล่าวคือ ท่าเรือ Chancay ในเปรูที่จีนเพิ่งเปิดนั้นอาจส่งผลสำคัญต่อการค้าของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในหลายมิติ ทั้งในด้านการขนส่ง การค้า และภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:
- ความสำคัญต่อการค้าของประเทศไทย:
ท่าเรือแห่งใหม่นี้ช่วยเพิ่มเส้นทางขนส่งตรงจากอเมริกาใต้ไปยังเอเชีย ซึ่งจะทำให้การนำเข้าสินค้าจากอเมริกาใต้ เช่น ธัญพืช ผลไม้ และทรัพยากรธรรมชาติ มาถึงประเทศไทยได้รวดเร็วและประหยัดขึ้น การที่เรือสามารถเดินทางตรงมายังเอเชียได้ ช่วยลดเวลาการขนส่งสินค้าจากอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นผลดีต่อการค้าของไทยในการเข้าถึงสินค้าที่มีความต้องการในประเทศและการส่งเสริมการค้าในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ ยังอาจเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจการลงทุนในอเมริกาใต้สามารถใช้ท่าเรือแห่งนี้เป็นฐานในการขยายธุรกิจและเชื่อมโยงการค้าได้สะดวกมากขึ้น รวมถึงการเปิดช่องทางใหม่ในการส่งออกสินค้าไทย เช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปยังตลาดในอเมริกาใต้ได้ง่ายกว่าเดิม
- ผลกระทบต่อการขนส่ง:
ท่าเรือ Chancay มีศักยภาพในการลดเวลาขนส่งและต้นทุนการขนส่งอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับการนำเข้าส่งออกสินค้าโดยตรงระหว่างเอเชียและอเมริกาใต้ เรือจากเปรูสามารถออกเดินทางโดยตรงมายังเอเชีย ไม่ต้องผ่านสหรัฐฯ หรือท่าเรืออื่นๆ ก่อน ซึ่งจะช่วยลดความล่าช้าและช่วยให้ผู้ประกอบการไทยและภูมิภาคเอเชียมีโอกาสในการรับสินค้าด้วยต้นทุนการขนส่งที่ลดลง สำหรับเส้นทางการขนส่งใหม่นี้ อาจเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการขยายเส้นทางเดินเรือที่สำคัญระหว่างเอเชียและอเมริกาใต้มากขึ้น รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยและเอเชียใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อเข้าถึงสินค้าและทรัพยากรในอเมริกาใต้ได้มากขึ้น
- ผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์:
การสร้างท่าเรือขนาดใหญ่นี้ในอเมริกาใต้โดยจีนส่งผลต่อดุลอำนาจทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างมาก เนื่องจากจีนสามารถใช้ท่าเรือนี้ในการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการค้าในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในด้านการควบคุมเส้นทางขนส่งและการเข้าถึงทรัพยากรในภูมิภาคนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยตรง นอกจากนี้ หากจีนสามารถเสริมความสัมพันธ์ทางการค้ากับอเมริกาใต้โดยผ่านท่าเรือแห่งนี้ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอเมริกาใต้กับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในภูมิภาคนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อเส้นทางการค้าและความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์ของไทยและประเทศในเอเชีย ที่ต้องพิจารณาและเตรียมตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเศรษฐกิจการค้าโลก
สมมติว่า เราจะทำการค้าขายกับประเทศในแถบอเมริกาใต้ เราต้องมาดูว่ามีสินค้าอะไร ที่น่าสนใจ ครับ สินค้าอเมริกาใต้ที่น่าสนใจสำหรับไทยและสินค้าที่ไทยสามารถส่งออกไปยังอเมริกาใต้มีหลากหลายประเภทที่มีความต้องการสูง ดังนี้:
สินค้าอเมริกาใต้ที่น่าสนใจสำหรับไทย
- สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหาร:
ถั่วเหลืองและธัญพืช: อเมริกาใต้ โดยเฉพาะบราซิลและอาร์เจนตินา เป็นแหล่งผลิตถั่วเหลืองและธัญพืชที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมอาหารและอาหารสัตว์ของไทย
เนื้อสัตว์: เนื้อวัวจากอาร์เจนตินาและบราซิลเป็นที่ต้องการของตลาดไทยในกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง
ผลไม้เมืองหนาว: เช่น องุ่น แอปเปิล และเบอร์รี่ จากชิลี ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีความนิยมในไทย โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจอาหารนำเข้า - ทรัพยากรธรรมชาติและสินแร่:
แร่ลิเธียม: อเมริกาใต้ โดยเฉพาะโบลิเวีย ชิลี และอาร์เจนตินา เป็นแหล่งผลิตลิเธียมขนาดใหญ่ที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า ซึ่งไทยต้องการสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
ทองแดง: ชิลีเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ของโลก ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการก่อสร้างในไทย - ไม้และเยื่อกระดาษ: ประเทศในอเมริกาใต้ เช่น บราซิล เป็นผู้ผลิตเยื่อกระดาษและไม้คุณภาพสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตกระดาษและเฟอร์นิเจอร์ของไทย สินค้าไทยที่น่าสนใจสำหรับตลาดอเมริกาใต้ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์: ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในเอเชีย สินค้าเหล่านี้มีความต้องการสูงในอเมริกาใต้ เช่น รถยนต์ประหยัดพลังงาน รถบรรทุก และชิ้นส่วนรถยนต์
- สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า:
เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการขยายตลาดไปยังอเมริกาใต้ ซึ่งมีความต้องการสินค้าเทคโนโลยีในราคาที่เหมาะสม - อาหารและเครื่องปรุงอาหารไทย:
อาหารแปรรูปและเครื่องปรุงอาหารไทย เช่น น้ำปลา ซอสพริก ผงเครื่องเทศ และผลิตภัณฑ์ข้าว ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในอเมริกาใต้ เนื่องจากวัฒนธรรมการบริโภคอาหารไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวต่างชาติ
4.ผลิตภัณฑ์จากยางพารา:
ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพารารายใหญ่ของโลก สินค้าเช่น ถุงมือยาง ยางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ มีศักยภาพในการขยายตลาดในอเมริกาใต้ที่ต้องการวัสดุคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมและการแพทย์
5.สิ่งทอและเสื้อผ้า:
เสื้อผ้าสำเร็จรูป ผ้าไหม และสิ่งทอคุณภาพสูงของไทยมีโอกาสดีในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคที่มองหาสินค้าแฟชั่นและผ้าคุณภาพจากเอเชีย
- สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า:
การขยายการค้าในสินค้าดังกล่าวระหว่างไทยและอเมริกาใต้ จะเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองภูมิภาคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ถ้าเราไม่มองสินค้าทั่วไปละ จะมีอะไรน่าสนใจนอกจากนี้ไหม ผมก็คิดว่า ยังมีสินค้าที่มีศักยภาพสูงในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) หรือสินค้าที่ตอบสนองต่อเทรนด์ใหม่ ๆ ของทั้งประเทศไทยและอเมริกาใต้ สามารถพิจารณาสินค้าดังต่อไปนี้:
สินค้าอเมริกาใต้ที่น่าสนใจสำหรับไทย
- ผลิตภัณฑ์สมุนไพรธรรมชาติและเครื่องสำอางจากพืชพื้นเมือง (Amazonian Botanicals):
อเมริกาใต้ โดยเฉพาะในเขตอเมซอน เป็นแหล่งของพืชสมุนไพรหายากที่มีคุณค่าในอุตสาหกรรมความงามและสุขภาพ เช่น น้ำมันอะคาอิ เบอร์รี่ มาคา เปลือกไม้โบราณ และสมุนไพรที่ใช้ในการบำรุงร่างกาย สินค้าเหล่านี้มีศักยภาพสูงในตลาดไทยที่มีกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจผลิตภัณฑ์ธรรมชาติและออร์แกนิกที่มีส่วนผสมจากพืชหายากจากต่างประเทศ - โปรตีนทางเลือกจากอเมริกาใต้ (Alternative Proteins):
โปรตีนจากพืชที่ปลูกในอเมริกาใต้ เช่น โชโกะ (Choco หรือ Sacha Inchi) ซึ่งมีโปรตีนสูงและไขมันดี เป็นที่ต้องการในตลาดอาหารและเครื่องดื่มทางเลือก โปรตีนทางเลือกเหล่านี้เหมาะกับกลุ่มคนที่ใส่ใจสุขภาพและผู้ที่ต้องการอาหารเสริมจากพืช มีโอกาสเติบโตได้ดีในตลาดไทยที่เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง - สินค้าศิลปะพื้นเมืองและงานหัตถกรรมอเมซอน (Amazonian Handicrafts):
งานหัตถกรรมพื้นเมืองจากอเมซอน เช่น ผ้าทอมือ เครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติ และงานปั้นดินจากชนเผ่าพื้นเมือง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคที่ชื่นชอบงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งสินค้านี้สามารถเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคไทยที่สนใจงานศิลปะเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรม
สินค้าไทยที่น่าสนใจสำหรับตลาดอเมริกาใต้
- ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย (Thai Herbal Products):
ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันไพล สบู่สมุนไพร และผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพจากขมิ้นชัน ซึ่งเหมาะกับการตลาดในอเมริกาใต้ เนื่องจากผู้บริโภคในภูมิภาคนี้เริ่มให้ความสำคัญกับสมุนไพรธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ - เครื่องประดับและอัญมณีคุณภาพสูง (High-Quality Thai Jewelry):
อัญมณีไทย โดยเฉพาะพลอยสีน้ำเงิน ไพลิน ทับทิม และเครื่องประดับทองคำ มีความต้องการในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากคนในภูมิภาคนี้นิยมเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์และฝีมือประณีต ไทยซึ่งมีความชำนาญในการผลิตอัญมณีและเครื่องประดับจึงมีศักยภาพที่จะขยายตลาดได้ - ผลิตภัณฑ์จากข้าวและนวัตกรรมอาหารสุขภาพจากข้าว (Rice-Based Health Innovations):
ผลิตภัณฑ์จากข้าว เช่น น้ำนมข้าว สแน็คจากข้าวไรซ์เบอร์รี่ และเครื่องดื่มผสมสารสกัดจากข้าว มีโอกาสในตลาดอเมริกาใต้ เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคที่สนใจอาหารเพื่อสุขภาพที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันต่ำ ไทยสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาจากข้าวซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศ - เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture Solutions):
ไทยมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่สนับสนุนการเกษตรอัจฉริยะ เช่น โดรนเกษตร ระบบ IoT ในการควบคุมการปลูกพืช และซอฟต์แวร์ติดตามสภาพอากาศ ซึ่งสามารถนำไปขยายตลาดในอเมริกาใต้ได้ เนื่องจากเกษตรกรรมในภูมิภาคนี้มีขนาดใหญ่และต้องการเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ