Search
Close this search box.

เอาไงดีกับพอร์ตหุ้น หากรัฐบาลของสหรัฐฯถูก shut down

ในขณะนี้ ตลาดของประเทศสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับความวุ่นวาย สื่อต่างๆ จะฉายโครงเรื่องที่ขับเคลื่อนด้วยความกลัว นั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการขาย ดังนั้น การค้นหาเหตุผลเพื่ออธิบายการเคลื่อนไหวนั้นน่าจะเป็นการพิจารณาจากเรื่องเล่าที่เก่าแก่… เพื่อจะไม่ทำให้เราต้องตกหลุมพราง

จากการตรวจสอบหนี้สินของประเทศสหรัฐอเมริกา เราเห็นเพดานหนี้ที่ปรากฏขึ้นมา และหากพวกนักการเมืองยังไม่สามารถที่ผ่านข้อตกลงภายในวันที่ 1 ตุลาคม ผมเข้าใจว่า รัฐบาลของสหรัฐฯ จะถูก shut down อย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อมองแวบแรกอาจดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่มาก ท้ายที่สุดแล้ว รัฐบาลที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่อาจนำไปสู่ปัญหาเชิงลบทุกประเภท: นั้นคือ พนักงานของรัฐบาลกลางหลายล้านคนอาจเผชิญกับความล่าช้าในการชำระเงิน และ สำนักงานรัฐบาลกลางบางแห่งอาจปิดตัวลง รวมทั้งอาจมีความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนถึงกับชี้ไปว่านี้เป็นตลาดขาลง เพราะมันไม่มีทางไปแล้วครับ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม S&P 500 ร่วงลงไปประมาณ ๕ % แล้ว

สำหรับผมนั้น ผมไม่มีคำแนะนำ และผมก็ไม่รู้ด้วยว่า ข้อตกลงเหล่านี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่สิ่งที่ผมทำได้ คือ บอกว่าในอดีต สิ่งเหล่านี้มันเคยเกิดขึ้นหรือไม่ และผลลัพธ์ของมันคืออะไร นั่นเป็นมุมมองทางประวัติศาสตร์ เท่านั้นครับ สำหรับผมนะ ผมว่า เราอย่าเพิ่งไปวิตก ตกใจ หรือ กลัวอะไร เลยครับ … แต่เตรียมความพร้อมไว้เท่านั้น หากเพื่อนกังวลเกี่ยวกับพอร์ตหุ้นของเพื่อนอาจจะได้รับผลกระทบกับสิ่งเหล่านี้ เอา ครับ มาดูหลักฐานกันดีกว่า

เล่าเรื่องราวแล้วนะ

ตั้งแต่ปี 1978 ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เคยมีการปิดระบบของรัฐบาลมาแล้ว ประมาณ 16 ครั้งซึ่งกินเวลาอย่างน้อยหนึ่งวัน ระยะเวลาเฉลี่ยในการปิดระบบในกรณีเหล่านั้นคือ 12 วัน ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อม… รัฐบาลสหรัฐฯ อาจจะปิดตัวลงเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์หรือนานกว่านั้นก็ได้ ดังนั้น เพื่อนๆ อาจกังวลเกี่ยวกับสถานะหุ้นของเพื่อน แต่ประวัติศาสตร์บอกว่า ในช่วง 40+ ปีที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่วันแรกของการปิดตัว S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.2% ใน 3 เดือนต่อจากนี้ และอีก 6 เดือนต่อมา หุ้นขึ้น 9.7% และ อีก 12 เดือนต่อมา หุ้นพุ่ง 16%! เห็นอะไรเหมือนผมหรือยังครับ ความหวาดวิตกของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทย ผมเดาว่าน่าจะมาจากสาเหตุเหล่านี้ บ้าง ไม่มาก ก็ น้อย อีกทั้ง ยังไม่มีของอะไรใหม่ ให้น่าจะตื่นเต้น เมื่อมองดูรัฐบาลไทย กลับเห็นหนี้สินที่มากโดยยังไม่มีแนวทางชัดเจนให้เห็นเป็นรูปธรรมในการจัดการเรื่องนี้ จริงมั๊ย นี่ละคือเหตุผล ให้ตลาดหุ้นตก พันธบัตรถูกขายทิ้งออกมา

เอาละ ผมกลับเข้าเรื่องต่อนะ ครับ ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ประเทศสหรัฐฯ จะ shut down หรือไม่ ก็ให้ปล่อยมันไป ประวัติศาสตร์วาดภาพตอนก่อนๆ ด้วยพู่กันสีเขียวสดใส แต่สิ่งนี้น่าจะนำผมไปสู่ธีมที่ใหญ่กว่า นั่นคือ ความอ่อนแอของเดือนกันยายนเป็นการเริ่มต้นครั้งใหญ่ในไตรมาสที่ 4 ภาวะซบเซาในเดือนกันยายนถือเป็นเรื่องปกติในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา พวกนักข่าว หรือ สื่อรู้ดีถึงการตั้งค่านี้เป็นอย่างดี นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาป้อนเรื่องราวของภาวะตลาดหมีในเดือนกันยายน

ตั้งแต่ปี 1990 เดือนกันยายนตกลงมาโดยเฉลี่ยที่ 8% โดยทะลักเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ซึ่งต่อมาหุ้นจะพุ่งขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงธันวาคม ออ ผมลืมบอกไปครับ ตลาด crypto ก็มีลักษณะแบบเดียวกับตลาดหุ้นเหมือนกันครับ อย่างไรก็ตาม ความสนุกไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แต่มันอยู่ที่ว่า ปี 2023 เป็นปีก่อนการเลือกตั้ง และนี่คือ ส่วนย่อยที่ทรงพลังของการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลนี้ ประวัติศาสตร์สอนให้ผมรู้ว่า ตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมา ช่วงก่อนการเลือกตั้งได้เริ่มต้นการชุมนุมครั้งใหญ่ในไตรมาสที่สี่ ตุลาคมตื่นตาตื่นใจกับกำไรเฉลี่ย 4.4% สำหรับ S&P 500 ธันวาคมปิดท้ายไตรมาสด้วยการชุมนุม 3.1%: ดังนั้น ผมว่า เราควรเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ดีกว่านี้ก่อนสิ้นปีนี้ครับ รัฐบาลอาจปิดตัวลงจริงๆ… และประวัติศาสตร์บอกว่าไม่เป็นไร อย่าเพิ่งปิดพอร์ตโฟลิโอของเพื่อนก็แล้วกัน มิฉะนั้น คุณจะเสียใจ หากเพื่อนๆ เป็นเหมือนผม ก็น่าจะเริ่มมองหาหุ้นดีในไตรมาสที่ 4 เพราะผมคิดว่า แรงซื้อจากต่างชาติจะกลับมาอีกครั้ง อย่าเชื่อผมครับ ควรพิจารณาด้วยตัวคุณเอง ผมแค่เล่าในสิ่งที่ผมได้อ่านเจอและวิเคราะห์เอง

กิตติ ปิณฑวิรุจน์​ / เขียนบทความ​

#tiivarietytalk #ทีไอไอทอล์ค​ #ประกันภัย #ประกันชีวิต #ประกันวินาศภัย

แบ่งปันบทความนี้