Search
Close this search box.

“ออมทอง” เทรนด์ใหม่?

ผมพูดเรื่อง Bitcoin จน ใครๆอาจมองผมเพี้ยนๆ ไปแล้วใช่มั๊ยครับ แต่ตอนนี้ผมอยากจะพูดถึงทองคําบ้าง เพื่อนๆ ก็น่าจะทราบว่า ทองคำ เป็นเครื่องมืออีกแบบที่ใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อ “การป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ”

ในช่วงระยะสั้นนี้ ผมดูการเคลื่อนไหวของทองคำ ผมว่า มันกำลังจะขึ้นครั้งใหญ่ ผมว่า ทองคําหนึ่งออนซ์เพิ่งทะลุ 2,000 ดอลลาร์และเสียเวลาเพียงเล็กน้อยในการแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 2,170 ดอลลาร์นะ

ทําไมทองคําซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการจัดเก็บมูลค่ามายาวนาน ความจริงก็คือแม้ว่าหุ้นและบิตคอยน์จะสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนมากมาย ประกอบกับรัฐบาลสหรัฐฯกําลังสะสมหนี้เป็นประวัติการณ์ การขาดดุลขณะนี้อยู่ที่มากกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับ GDP ขอผออสเตรเลีย ดังนั้นรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องยืมทุกปีเพื่อหารายได้มาปิดหนี้ การขาดแคลนนี้ถูกเพิ่มเข้าไปในหนี้สาธารณะของอเมริกา ซึ่งอยู่ที่ 34.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ สูงใช่มั๊ย ๕๕๕๕๕๕ ยังไม่หรอก ยังมีอีกครับ ๕๕๕๕๕๕๕

ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงสูง การให้บริการหนี้ของประเทศเพียงอย่างเดียวคาดว่าจะมีมูลค่า 870 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ในส่วนตัวผมเองผมคิดว่า การที่ราคา cryptocurrency ที่ขึ้นสูงมากๆก็เป็นอะไรที่น่ากลัวนะครับ เพราะ รัฐบาลอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยก็ได้นะครับ และมันก็จะสะเทือนมายังเงินบาท

เรามาพูดถึงหนี้ของรัฐบาลอเมริกา เพราะ ถ้าเราจำได้ ครั้งสุดท้ายที่อัตราสูงขนาดนี้ย้อนกลับไปในปี 2544 ย้อนกลับไปในตอนนั้น หนี้ของอเมริกามีมูลค่า 5.8 ล้านล้านดอลลาร์ที่จัดการได้มากขึ้น ดังนั้น ตอนนี้สหรัฐฯ มีหนี้มากกว่าที่ประเทศนี้ทําเมื่อ 23 ปีที่แล้วประมาณ 6 เท่า มีเพียงเศรษฐกิจเท่านั้นที่ไม่ได้เติบโตเกือบเท่า – มันเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นี่เป็น flat-out ไม่ยั่งยืน นักลงทุนที่เห็นสิ่งนี้กําลังแห่กันไปที่ความปลอดภัยของทองคํา และ digital gold นั้นละครับที่ปรากฏการณ์เกิดขึ้นในช่วงนี้

และส่วนนอกสหรัฐฯ…….. สงครามที่โหมกระหน่ําระหว่างอิสราเอลและฮามาสในตะวันออกกลางได้เข้าสู่เดือนที่ห้าแล้ว ในขณะเดียวกัน การรุกรานยูเครนของรัสเซียกําลังอยู่ในปีที่สอง ไม่มีจุดจบสําหรับความขัดแย้งอย่างใดอย่างหนึ่ง ตรรกะง่ายๆ บอกคุณว่ายิ่งสงครามเหล่านี้ดําเนินต่อไปนานเท่าไหร่ โอกาสที่พวกเขาจะแพร่กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในตะวันออกกลางสิ่งนั้นกําลังเกิดขึ้นแล้ว กองทัพอิสราเอลกําลังต่อสู้กับกองกําลังฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอน และกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ยิงขีปนาวุธและโดรนต่ออิสราเอล กบฏเหล่านี้ยังโจมตีเรือพาณิชย์ของประเทศต่างๆในทะเลแดง ความเสี่ยงของสงครามที่ยืดเยื้อซึ่งอาจแพร่กระจายและลากอํานาจที่ใหญ่ขึ้นเข้าสู่แนวหน้าเป็นเหตุผลมากกว่าสําหรับนักลงทุนที่ต้องการทองคําเพื่อความปลอดภัย

สุดท้ายนี้ความตึงเครียดได้ก่อตัวขึ้นมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนในประเด็นต่างๆ มากมาย ประเด็นเหล่านี้มีตั้งแต่ข้อพิพาททางการค้า การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ถูกกล่าวหา ภัยคุกคามต่อความมั่นคงของไต้หวัน และกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในทะเลจีนใต้ และอะไรอย่างอื่นอีกที่เราน่าจะสังเกตออกนะครับ สงคราม “เย็น” กําลังดําเนินไปเหนือเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน และสงครามที่ “ร้อนแรง” ซึ่งคิดไม่ถึงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่น่าเป็นไปได้อีกต่อไป

ดังนั้น จากเหตุผลทั้งหมด ที่ผมกล่าวข้างต้น……….ตลาดรู้สึกดีโดยรวม หุ้นอยู่ที่ระดับสูงสุดตลอดกาล และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่เพื่อนๆอย่านำสิ่งเหล่านี้มาเทียบกับตลาดในประเทศไทยนะครับ ผมบอกไปเพื่อนๆอาจจะโกรธผมก็ได้ ตลาดไทย ในความเห็นผม คือ มันตายแล้วครับ หนี้สินเหมือนฝีกำลังใกล้แตกครับ การปล่อยสินเชื่อไม่ง่ายแล้วครับ ธนาคารทุกธนาคารในประเทศไทยกำลังวิตกกับการสำรองสำหรับหนี้สูญครับ ตลาดรถยนต์มือสองกำลังมีปัญหาครับ ลองไปเดินตลาดดูบ้างหรือเปล่าครับ ผมชอบไปเดินมากเพราะมันทำให้ผมได้รับรู้ถึงเศรษฐกิจระดับชาวบ้านว่ามันเป็นอย่างไร แต่ต่างจังหวัดผมขอเวลาสักหน่อย

แต่ในขณะนี้ยังมีความไม่แน่นอนมากมายสําหรับนักลงทุน…สงครามโดดเดี่ยวสามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว สงครามเย็นสามารถเปลี่ยนเป็นสงครามที่ร้อนแรงได้อย่างง่ายดาย และหนี้ของสหรัฐฯก็อดไม่ได้ที่จะขยายตัวจากน้ําหนักที่จ่ายดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว สหรัฐฯก็จะอ้วกอยู่แล้ว ๕๕๕๕๕ และ ตราบใดที่ความกังวลเหล่านี้ยังคงอยู่ ทองคําควรดึงดูดผู้ซื้อจํานวนมากต่อไป แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ใช่ข้อกังวลหลักในอนาคตก็ตามที

แต่สำหรับผมตอนนี้ ก็ยังสนุกกับ Bitcoin มากกว่าอย่างอื่น แต่เพื่อนๆก็คงไม่กล้า เพราะใจไม่สู้ ซึ่งผมเข้าใจ…มีอะไรดี..ก็จะมาบอกให้ฟังครับ หวัดดีครับ

กิตติ ปิณฑวิรุจน์​ / เขียนบทความ

แบ่งปันบทความนี้