เกริ่นนำ
หากเลือกได้…ระหว่างได้ร่วมงานกับองค์กรใหญ่ มีชื่อเสียง และมีโอกาสจะประสบความสำเร็จในอาชีพ
แต่ในขณะเดียวกันต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง
กับ…การร่วมงานในองค์กรเล็กๆ แต่ยอมรับความรู้ความสามารถของเรา…ท่านเลือกที่จะร่วมงานกับองค์กรใด?
นิทานเรื่อง “นกยูงตัวหนึ่งในดินแดนนกเพนกวิน” เป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่จะเสนอให้เห็นว่าการที่เราตัดสินใจเลือกทำงานกับองค์กรใหญ่ ที่สภาพแวดล้อมขององค์กรถูกสร้างโดยผู้บริหารที่มองโลกต่างจากเรา เราควรจะตัดสินใจ อย่างไร ? แล้วจะมีวิธีการปรับตัวอย่างไรให้อยู่ในองค์กรใหม่ได้อย่างมีความสุข? สิ่งที่น่าสนใจ คือ นิทานเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจว่าแต่ละองค์กรจะมี วัฒนธรรม ที่เป็นแนวทางของตัวเอง บางวัฒนธรรมก็ควรรักษาไว้ บางวัฒนธรรมหากมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลดีต่อองค์กร เราสามารถจะนำแนวคิดจากเรื่องนี้ไปเป็นแนวทางในการปรับใช้กับการทำงานขององค์กรที่เราร่วมงานอยู่ด้วยได้
เรื่องย่อ “นกยูงตัวหนึ่งในดินแดนของนกเพนกวิน”
“นกยูงตัวหนึ่งในดินแดนของนกเพนกวิน” เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนกยูงชื่อ “เพอร์รี่” ที่เต็มไปด้วยความสดใส มีพรสวรรค์ มีความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการเป็นเลิศ ประสบความสำเร็จอย่างมากในดินแดนของตัวเองได้เข้าร่วมงานในดินแดนนกเพนกวิน ซึ่งเป็นดินแดนที่องค์กรขนาดใหญ่ เกือบทั้งหมดถูกปกครองโดยนกเพนกวินและผู้บริหารระดับสูงของดินแดนนี้ล้วนแต่เป็น…นกเพนกวิน
ดินแดนนกเพนกวิน…มีนโยบายและวิธีการทำงาน ถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับนกเพนกวินเท่านั้น นกเพนกวินทุกตัวมีความเป็นระเบียบ จงรักภักดีต่อองค์กรชอบทำงานเป็นทีมเสียสละทุกอย่างเพื่อองค์กร
ตอนแรกเพอร์รี่คิดว่าจะมีอนาคตสดในในดินแดนแห่งนี้ เนื่องจากได้ยินมาว่า…ดินแดนนกเพนกวินเป็นดินแดนที่ต้องการแนวคิดใหม่ๆเห็นคุณค่าของความแตกต่างมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี มีความมั่งคั่ง และนกทุกตัวในดินแดนนี้จะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด แต่เมื่อเพอร์รี้ได้มาทำงานในดินแดนนกเพนกวินปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่เคยได้ยินมา
นกพันธุ์อื่นที่ถูกคาดหวังว่าจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง จะถูกชักนำให้ทำตัวเหมือนกับสิ่งที่นกเพนกวินปฏิบัติ คือ เดิน พูด แต่งตัวเหมือนนกเพนกวิน
นกเพนกวินได้พยายามเปลี่ยนเพอร์รี่ให้เป็นนกเพนกวิน คือ เดิน พูด คิดแบบนกเพนกวิน โดยไม่ดูความสามารถของเพอร์รี่ เพอร์รี่จึงได้ลาออกจากดินแดนนกเพนกวินและได้ไปทำงานที่ใหม่ชื่อ “ดินแดนแห่งโอกาส” ณ ดินแดนแห่งนี้ ต้องการนกหลายเผ่าพันธุ์ นกแต่ละพันธุ์เป็นตัวของตัวเองได้รับการยอมรับและเชื่อใจ นกหลายเผ่าพันธุ์ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้นำเกิดจากฝีมือ ทักษะ ความสามารถของนกเหล่านั้น คำขวัญของดินแดนแห่งนี้ คือ “ ยิ่งใหญ่จากความหลากหลาย ” นกทุกตัวมีความสุขในดินแดนนี้
แนวคิด ประโยชน์การนำไปใช้
กลยุทธ์เอาตัวรอดของนกยูงที่ต้องทำงานกับนกเพนกวิน
1. ไม่ควรปล่อยให้เพื่อนร่วมงานต้องลำบากเพราะความแตกต่างของเรา ให้อดทนทำงาน ให้ดีที่สุด เพราะประวัติการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดทั้งในดินแดนนกเพนกวินและดินแดนแห่งโอกาส
2. มองหานกพันธุ์พิเศษอื่นๆ เพื่อสร้างมิตรภาพ เครือข่าย สนับสนุนซึ่งกันและกัน
3. เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการถูกบังคับให้เป็นนกเพนกวิน เมื่อถึงคราวจำเป็น…
4. บอกตัวเองเสมอว่า คุณไม่ใช่คนแปลกหน้า ไม่มีอะไรผิดที่คุณจะมีพรสวรรค์ ทักษะ และแนวคิดที่มีคุณค่า แม้นกเพนกวินจะไม่ให้ความสำคัญก็ตาม
เทคนิคของนกยูงที่ต้องการบินข้ามดินแดนนกเพนกวิน
1. จงยอมรับความจริงว่าสักวันคุณต้องทำงานกับนกเพนกวินเพราะพวกนี้อยู่ในองค์กรโดยเฉพาะองค์กรใหญ่ๆ
2. พยามอยู่ห่างจากองค์กรที่มีนกเพนกวินเป็นผู้นำเปิดใจให้กว้างในการมองหาที่ทำงานที่น่าสนใจกว่านี้
3. การสร้างธุรกิจของตนเองก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจโดยไม่ต้องทำงานในองค์กรใหญ่ๆ ก็มีความสุขได้
4. บอกตัวเองเสมอว่าคุณไม่โดดเดี่ยว มีนกอีกมากมายที่เผชิญปัญหาเดียวกับคุณ
5. จงทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีต้องช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้นกตัวอื่นที่แตกต่างเพื่อนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จร่วมกัน
กลยุทธ์ของนกพันธ์ต่างๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับนกเพนกวิน
- กลยุทธ์แบบนกบูลเบิร์ด ทำตัวให้สดชื่นแจ่มใสตลอดเวลา พยามทำให้ดีที่สุดในสถานการณ์ที่ยุงยาก
- กลยุทธ์แบบนกแก้ว เลียนแบบสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ ทำงานให้หนักเหมือนนกเพนกวินเพื่อจะได้รับการยอมรับ คนที่เลือกกลยุทธ์นี้ ต้องเป็นคนที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ดี
- กลยุทธ์ของนกหงส์ ทำงานให้เสร็จและได้รับความเคารพด้วยการทำงานอย่างมีเกียรติ คนบางคนเป็นที่ยำเกรงของคนอื่นได้โดยไม่ต้องทำอะไร พวกเขามีความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกส่วนลึกภายในตัว ที่เห็นคุณค่าของตัวเอง หรือตัวเองมีดี
- กลยุทธ์ของห่าน ตัดสิ่งไม่ดีออกไปและบินไปข้างหน้าเพื่อหาแหล่งอาหารใหม่ เมื่อมีความขัดแย้งขึ้นระหว่างคุณกับองค์กร และไม่มีแนวทางไหนจะใช้ได้ผลแล้ว บางครั้งการลาออกจากองค์กรก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แสดงความเชื่อมโยงกับแนวคิดผู้นำองค์กร
จากลักษณะนิสัยของเพอร์รี่ ผู้ที่จะเป็นผู้นำของเพอร์รี่สามารถนำทฤษฎีของ Paul Hersey and Kenneth Blanchard’s Life Cycle or Situation Leardership Theory มาใช้ได้ โดยทฤษฎี Situation Leadership เป็นทฤษฎีที่เน้นในตัวผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ตาม โดยเห็นว่าผู้นำจะประสบผลสำเร็จได้จากการเลือกรูปแบบผู้นำที่เหมาะสมกับระดับความพร้อมหรือวุฒิภาวะของผู้ตาม และไม่ว่าผู้นำจะเก่งกาจสักเพียงใดหากปราศจากการแสดงออกที่เหมาะสมของผู้ตามงานก็ย่อมจะไม่เกิดผลสำเร็จ Situation Leardership ประกอบด้วยมิติของผู้นำ 2 ประเภทคือ พวกเน้นงานหรือเน้นคน และได้แบ่งผู้นำเป็น 4 ประเภท ดังนี้
ประเภทบอก
หรือเน้นงานไม่เน้นคน ผู้นำต้องคอยกำกับสั่งการให้รู้ว่าต้องทำอะไรเหมาะกับผู้ตามประเภท M1 คือ คนไม่มีความสามารถและไม่เต็มใจทำงาน
ประเภทขาย
หรือเน้นทั้งงานและคน ผู้นำทำหน้าที่ชี้นำ/สั่งการและสนับสนุน เหมาะกับผู้ตามประเภท M2 คือ คนที่ไม่มีความสามารถแต่มีความเต็มใจทำงาน
ประเภทร่วมมือ
หรือไม่เน้นงานแต่เน้นคน ผู้นำและผู้ตามร่วมมือกันวางแผนตัดสินใจร่วมกัน เหมาะกับผู้ตามประเภท M3 คือ คนที่มีความสามารถแต่ไม่เต็มใจทำงาน
ประเภทมอบหมายงาน
หรือไม่เน้นทั้งงานและคน ผู้นำไม่มีบทบาทในการชี้นำเหมาะกับผู้ตามประเภท M4 คือ คนที่มีความสามารถและเต็มใจทำงาน
สำหรับนิสัยของเพอร์รี่ที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำงานและมีความสามารถจะเห็นว่าเพอร์รี่เป็นประเภท M4 ดังนั้นผู้นำของเพอร์รี่ จะต้องเป็นประเภท มอบหมายงาน
การที่เพอร์รี่ลาออกจากดินแดนนกเพนกวินเพราะเพอร์รี่ไม่อยากสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองซึ่งจะสอดคล้องที่ Daniel Kahneman กล่าวไว้ว่า “จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง แต่เลือกกระทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดต้นทุนน้อยเสมอ” ถ้าเพอร์รี่ยังทำงานในดินแดนนกเพนกวินเพอร์รี่จะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นนกเพนกวินเพื่อที่จะได้รับการยอมรับการที่ต้องสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองเป็นต้นทุนที่สูงมากสำหรับเพอร์รี่และมนุษย์ทุกคนดังนั้นเพอร์รี่จึงเลือกที่จะลาออก เพราะสูญเสียแค่งานซึ่งก็สามารถที่จะหางานใหม่ได้จะเห็นว่าเป็นต้นทุนที่ต่ำกว่า
สำหรับกรณีที่เพอร์รี่ลาออกจากดินแดนนกเพนกวินและไปทำงานในดินแดนแห่งโอกาสสามารถอธิบายได้ด้วยเรื่องของ “อำนาจ” เป็นศักยภาพที่สิ่งหนึ่งสมมุติให้เป็น A มีต่อสิ่งหนึ่งสมมุติให้เป็น B ต้องทำบางสิ่งที่ในภาวะอื่นๆเขาจะไม่ทำการพึ่งพาหรือความไม่เป็นอิสระ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอำนาจจากข้อสมมุติฐานเบื้องต้นที่ว่า B ต้องพึ่งพา A มากเพียงใด ก็เท่ากับว่า A มีอำนาจเหนือ B มากเท่านั้น…เพอร์รี่ลาออกจากดินแดนนกเพนกวินเพราะองค์กรนกเพนกวินไม่ได้เป็นองค์กรเดียวที่เพอร์รี่ต้องทำงานด้วยเพอร์รี่มีทางเลือกที่จะไปทำงานกับองค์กรอื่นเพอร์รี่จึงอยู่ในภาวะอิสระไม่ต้องพึงพาองค์กรนกเพนกวินเพื่อให้ตนได้สิ่งที่ต้องการแสดงว่าดินแดนนกเพนกวินไม่มีอำนาจเหนือเพอร์รี่จึงไม่สามารถกำหนดจำกัดทางเลือกของเพอร์รี่ในการไปทำงานที่ใหม่
องค์กรนกเพนกวินเป็นองค์กรที่มีปทัสถานหรือแนวปฏิบัติ (Norms) เป็นมาตรฐานพฤติกรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับ และถือปฎิบัติในหมู่สมาชิกของกลุ่มนกเพนกวินด้วยกัน โดยสมาชิกแต่ละคนจะทราบว่าการกระทำใดสมควรหรือไม่สมควร ทั้งนี้ปทัสถานเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มที่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่ม และไม่จำเป็นต้องกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร โดยทั่วไปแบ่งปทัสถานเป็น 4 ประเภท คือ
ปทัสถานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงาน ซึ่งเป็นแนวทางกำหนดให้พนักงานควรปฏิบัติอย่างไร เช่น แนวทางการทำงานให้สำเร็จ
ปทัสถานด้านการแสดงออก ได้แก่การแต่งกายที่เหมาะสม ความจงรักภัคดีต่อกลุ่มและองค์กร
ปทัสถานทางสังคมอย่างไม่เป็นทางการ เป็นการเข้ากลุ่มโดยทั่วไป เช่น กลุ่มอาหารกลางวัน
ปทัสถานว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากร เช่น การจัดสรรอุปกรณ์ การมอบหมายงานที่ยาก
สำหรับดินแดนนกเพนกวินจะมีปทัสถานเด่นๆ คือ ปทัสถานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทำงานและปทัสถานด้านการแสดงออกจะเห็นได้จากการที่ดินแดนนกเพนกวินได้ออกแบบนโยบายและวิธีการทำงานที่เหมาะกับนกเพนกวินและนกเพนกวินทุกตัวมีความเป็นระเบียบ จงรักภักดีต่อองค์กรเสียสละทุกอย่างเพื่อองค์กร
แสดงความคิดเห็น
>>> นกเพนกวินยึดติดกับการทำงานแบบเดิมๆมีวิสัยทัศน์แคบยึดติดกับความสำเร็จในอดีตไม่ยอมรับสิ่งใหม่ๆไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ยึดติดธรรมเนียม อนุรักษ์นิยม ขอบกฎระเบียบ เคารพผู้บังคับบัญชา ข้าพเจ้าคิดว่าทุกคนมีนกเพนกวินอยู่ในตัวซึ่งจะเห็นได้จากการที่เราจะใช้เส้นทางเดิมๆในการเดินทางกลับบ้าน หรือการเก็บแฟ้มเอกสารไว้อย่างเป็นระเบียบเพื่อการค้นหาที่สะดวก
>>> ข้าพเจ้าคิดว่า องค์กรนกเพนกวินควรจะปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการใหม่ คือต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ เพื่อที่องค์กรนกเพนกวินจะได้สามารถอยู่รอดได้ภายใต้การแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน แต่ไม่ได้หมายความว่าองค์กรนกเพนกวินจะต้องปรับเปลี่ยนทุกอย่างสำหรับวัฒนธรรมที่ดีที่องค์กรนกเพนกวินมีอยู่ก็ควรรักษาเอาไว้ เช่น เรื่องการมีกฎระเบียบ มีวินัย การให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา
>>> ข้อดีของนกเพนกวิน ที่ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าสามารถนำมาใช้กับองค์กรของข้าพเจ้า คือการที่นกเพนกวินมีวัฒนธรรมและแนวปฏิบัติที่นกเพนกวินทุกตัวทำตาม โดยเฉพาะแนวปฏิบัติในด้านความมีระเบียบ วินัย ซึ่งถ้าเราสามารถสร้างแนวปฏิบัติดังกล่าวในองค์กรของเราได้ ก็จะส่งผลให้พนักงานปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติขององค์กรมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นเรื่องการมาทำงานตรงเวลา มีความตั้งใจปฏิบัติงานในหน้าทีของตนเองอย่างเต็มความรู้ความสามารถ ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน กฎ ระเบียบ บางเรื่องที่ทำให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน เพื่อให้เกิดการทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
>>> ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าในทุกองค์กรควรจะมีทั้งคนที่ชอบกฎระเบียบแบบนกเพนกวินเพื่อทำหน้าที่รักษากฎระเบียบและวัฒนธรรมขององค์กรไว้และในขณะเดียวกันองค์กรก็ควรมีคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์แบบนกยูงเพื่อที่จะได้พัฒนาความคิดใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในองค์กร เพื่อพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้าไปพร้อมกับการมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง