การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
ความหมาย การประกันความเสียหายแก่เรือและทรัพย์สินหรือสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่งทางทะเล และยังขยายของเขตความคุ้มครองไปถึงการขนส่งสินค้าทางอากาศและทางบก ซึ่งต่อเนื่องกับการขนส่งทางทะเลด้วย
ประเภทของการประกันภัยทางทะเล
1. การประกันภัยตัวเรือ (Hull Insurance) : คุ้มครองความเสียหายต่อตัวเรือจากอุบัติเหตุต่างๆ เช่น ภัยจากลมพายุ,
เรือเกยตื้น, เรือชนกัน, เรือชนหินโสโครก เป็นต้น และยังหมายความรวมไปถึงการประกันค่าระวางด้วย
2. การประกันภัยสินค้า (Cargo Insurance) : คุ้มครองสินค้าที่เอาประกันภัยซึ่งอยู่ในระหว่างการขนส่งทางทะเล ภัยที่ได้รับการคุ้มครองขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ผู้เอาประกันภัยเลือกซื้อความคุ้มครองไว้
บุคคลผู้มีสิทธิหรือมีส่วนได้ส่วนเสียที่อาจจะเอาประกันภัยทางทะเลได้
ผู้ที่จะเอาประกันภัยได้ต้องมีส่วนได้ส่วนเสียในเหตุที่เอาประกันภัย เช่น เจ้าของเรือ, เจ้าของสินค้าหรือผู้รับขนส่ง เป็นต้น ใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสินค้าขณะเกิดความเสียหาย ผู้นั้นย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้บริษัทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับตนเองได้
ภัยที่คุ้มครองและเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์
1. ภัยทางทะเล (Peril of the sea) เช่น ภัยจากพายุ, มรสุม, เรือจม, เรือชนกัน และเรือเกยตื้น
2. อัคคีภัย (Fire) ได้แก่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากไฟไหม้ แต่ต้องไม่เกิดจากความประพฤติผิดของผู้เอาประกันภัยเอง หรือเกิดจากการลุกไหม้ขึ้นมาเองของสินค้าอันเนื่องมาจากธรรมชาติ
3. การทิ้งทะเล(Jettisons) หมายถึง การเอาของทิ้งทะเลเพื่อให้เรือเบาลง
4. โจรกรรม (Thieves) หมายถึง การโจรกรรมอย่างรุนแรงโดยการใช้กำลังเพื่อช่วงชิงทรัพย์
5. การกระทำโดยทุจริตของคนเรือ(Barratry) หมายถึง การกระทำโดยมิชอบของคนเรือโดยเจตนากลั่นแกล้งทุจริต ตั้งแต่นายเรือจนกระทั่งถึงลูกเรือในอันที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและการกระทำนั้นต้องปราศจากการรู้เห็นเป็นใจ ของเจ้าของทรัพย์
การเลือกซื้อความคุ้มครอง
จะมี 3 แบบให้เลือกโดยแต่ละแบบจะให้ความคุ้มครองไม่เท่ากัน
1. F.P.A. (Free from Particular Average) แปลว่า การประกันตามเงื่อนไขนี้ให้ความคุ้มครองแคบที่สุด
กล่าวคือ บริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อสินค้าเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss) เท่านั้น ถ้าสินค้านั้นได้รับความเสียหายแต่เพียงบางส่วน (Partial Loss) จะไม่ได้รับการชดใช้
2. W.A. (With Average) แปลว่า การประกันภัยตามเงื่อนไขนี้ให้ความคุ้มครองความเสียหายโดยสิ้นเชิง และความเสียหายบางส่วนด้วย แต่ความเสียหายบางส่วนนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 3% ของข้อมูลค่าทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
3. All Risks เป็นเงื่อนไขความคุ้มครองที่กว้างที่สุด คือ ให้ความคุ้มครองทั้งความเสียหายบางส่วน และสิ้นเชิงโดยไม่จำกัดเปอร์เซ็นต์ความสูญเสีย
เงื่อนไขและขอบเขตความคุ้มครองในการประกันภัยทางทะเลและขนส่ง
ในตลาดการประกันภัยทางทะเลและขนส่งประเทศไทย เงื่อนไขความคุ้มครองที่ผู้รับประกันภัยส่วนใหญ่ จัดให้แก่ผู้เอาประกันภัย มักจะยึดถือตามเงื่อนไขความคุ้มครองที่ใช้กันในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นเงื่อนไขความคุ้มครองที่จัดทำขึ้นโดย กลุ่มผู้รับประกันภัย อันได้แก่
The Institute of London Underwriters, the Liverpool Underwriters Associationและ Lloyds Underwriters Association
เงื่อนไขความคุ้มครองที่จัดทำโดยกลุ่มผู้รับประกันภัยดังกล่าวข้างต้น จะขึ้นด้วยคำว่า ‘Institute’ ซึ่งเป็นที่รู้จักแลยอมรับกันดีทั่วไป ในวงการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ผู้ส่งออก ผู้นำเข้า ธนาคาร หรือ ตัวแทนในการพิจารณาค่าสินไหมทดแทนในการประกันภัย ขนส่งสินค้าทางทะเลโดยทั่วไป มีชุดเงื่อนไขความคุ้มครอง 3 ชุด ที่เป็นที่นิยมกัน ซึ่งได้กำหนดขอบเขตความเสี่ยงภัยที่คุ้มครอง ลดหลั่นลงไปตามลำดับ ดังนี้
1. The Institute Cargo Clauses ‘A’
2. The Institute Cargo Clauses ‘B’
3. The Institute Cargo Clauses ‘C’
ภัยที่คุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (A)
Institute Cargo Clauses (A) ระบุภัยที่คุ้มครอง ไว้ดังนี้
This insurance covers all risks of loss of or damage to the subject-matter insured, except as provided in Clauses 4, 5, 6 and 7 below.
คำว่า All Risks หมายถึง การเสี่ยงภัยทุกชนิด (ที่ไม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสืบเนื่องจากสาเหตุภายนอก) ที่อาจยังความสูญเสีย หรือเสียหายต่อสินค้าที่เอาประกันภัย ในระหว่างช่วงระยะของการประกันภัย
ภายใต้กรมธรรม์ที่คุ้มครอง All Risks ผู้เอาประกันภัยจะต้องแสดงให้เห็นว่าเกิดความสูญเสียหรือความเสียหายจริง. ซึ่งความสูญเสียนั้นเป็นเหตุบังเอิญ (Fortuity), ที่เกิดขึ้นและเป็นสาเหตุโดยตรง (Proximately) ต่อความสูญเสีย. ซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องมี่ส่วนได้เสียจึงจะมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ส่วนผู้รับประกันภัยจะต้องพิสูจน์ว่าความสูญเสีย หรือเสียหายที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหรือสืบเนื่องจากภัยที่ถูกระบุยกเว้นไว้
นอกจากนี้ความสูญเสียหรือความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากกรณี General Average และ/หรือ
Boths to Blame Collision ก็ได้รับความคุ้มครองด้วยกล่าวคือ General Average Clause ให้คุ้มครอง
1. ความสูญเสียที่เป็นของส่วนรวม และค่าตอบแทนในการกอบกู้ทรัพย์สิน ที่ต้องร่วมรับผิดตามที่กำหนดในสัญญาขนส่ง หรือวิธีปฏิบัติและกฎที่มีผลบังคับใช้
2. ความสูญเสียหรือค่าตอบแทนนั้นต้องเพื่อหลีกเลี่ยง หรือเกี่ยวเนื่องกับการหลีกเลี่ยงความสูญเสียจากภัยที่คุ้มครอง
หรือไม่ได้ถูกยกเว้น“Boths to Blame Collision” Clause ให้คุ้มครอง
1. การชดใช้ค่าสินไหมฯ ที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดภายใต้เงื่อนไข “การโดนกันของเรือแล้วผิดทั้งคู่” ในสัญญาขนส่ง
2.ผู้เอาประกันภัยต้องแจ้งผู้รับประกันภัย เมื่อเจ้าของเรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เพื่อผู้รับประกันภัยจะได้มีสิทธิต่อสู้การเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ดังกล่าวภัยที่ยกเว้นความคุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (A)
แม้ว่าเงื่อนไขความคุ้มครองตาม Institute Cargo Clauses (A) จะระบุความคุ้มครองแบบ All Risks ก็ตามแต่ก็มีความเสี่ยงภัย หรือลักษณะความเสียหายบางอย่างที่ถูกยกเว้นไม่ให้ความคุ้มครองโดยได้กำหนดและระบุไว้เป็นข้อกำหนดอย่างชัดเจนภายใต้ General Exclusions Clause ดังนี้ In no case shall this insurance cover Loss damage or expense attributable to/caused by ไม่ว่ากรณีใดก็ตามการประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความสูญเสีย เสียหาย หรือค่าใช้จ่าย อ้นเนื่องจาก/ที่เกิดจาก
1. การกระทำมิชอบโดยจงใจของผู้เอาประกันภัย…Wilful misconduct of the Assured
2. การรั่วไหลไปตามปกติการขาดหายตามปกติของปริมาณ หรือน้ำหนัก หรือการสึกหรอและสึกกร่อนตามปกติ…Ordinary
leakage, ordinary loss in weight or volume, or ordinary wear and tear of the subject-matter
insured
3. การบรรจุหีบห่อ หรือการจัดเตรียมที่ไม่เพียงพอ หรือไม่เหมาะสมในวัตถุแห่งการประกันภัย…Insufficiency or
unsuit-ability of packing or preparation of the subject-matter insured
4. ข้อเสียในตัวเองหรือลักษณะตามธรรมชาติของวัตถุแห่งการประกันภัย..Inherent vice or nature of the subject-matter insured
5. การล่าช้า แม้ว่าการล่าช้านั้นจะเกิดจากภัยที่คุ้มครองก็ตาม…Delay, even though the delay be caused by a risk insured against
6. การล้มละลาย หรือการไม่สามารถใช้หนี้สิน ไม่ว่าของเจ้าของเรือ, ผู้เช่าเหมาเรือ หรือผู้ดำเนินการเดินเรือ หรือตัวแทนของบุคคลใดบคคลหนึ่ง ที่กล่าวมา…Insolvency or financial default of the owners, managers, charterers, or operators of the vessel
7. การใช้อาวุธสงครามที่อาศัยการแตกตัว หรือ การหลอมตัวของปรมาณู หรือ ผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี…The use of any weapon of war employing atomic or nuclear fission and/or fusion or other like reaction or radioactive force or matter
8. เรือ หรือยาน ไม่พร้อมที่จะใช้เดินทะเล หรือ เรือ ยาน ยวดยาน ตู้ลำเลียง หรือ ตู้ยก ที่จะใช้ในการบรรทุกสินค้า ไม่พร้อมสมบูรณ์หรือปลอดภัยเพียงพอ โดยที่ผู้เอาประกันภัย หรือลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย…Unseaworthtness & Unfitness Exclusion Clause
9. ข้อยกเว้นภัยสงคราม..WarExclusion Clause
9.1 สงคราม สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ กบฏแข็งข้อ หรือ การต่อสู้ของประชาชนที่เกิดจากการดังกล่าว หรือการกระทำเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งกระทำต่อ หรือถูกกระทำโดยชาติอำนาจที่เป็นศัตรู
9.2 การถูกจับกุม ถูกยึด ถูกกุม กักกัน หรือหน่วงเหนี่ยว (ยกเว้น การกระทำการเป็นโจรสลัด) และผลใดๆ ของการนั้นๆ หรือ ความพยายามใดๆ ที่จะกระทำการดังกล่าว
9.3 การถูกทิ้งทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด ระเบิด หรืออาวุธสงครามอื่นใด
10. ข้อยกเว้นภัยนัดหยุดงาน…Strikes Exclusion Clause
10.1 คนงานที่นัดหยุดงาน, คนงานที่ถูกปิดงาน, หรือ บุคคลที่มีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบทางแรงงาน
10.2 การจลาจล หรือการก่อความวุ่นวานโดยฝูงชน อันเป็นผลจากการนัดหยุดงาน การปิดงาน ความไม่สงบทางแรงงาน
10.3 การก่อความวุ่นวายโดยฝูงชน อันเกิดจากการก่อการร้าย หรือการกระทำไม่ว่าจะของบุคคลหนึ่งบุคคลใดในการเคลื่อนไหวทางการเมือง ภัยที่คุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (B)
Institute Cargo Clauses (B) ให้ความคุ้มครองแตกต่างจาก Institute Cargo Clauses (A) คือ
I.C.C (A) ระบุให้คุ้มครองการเสี่ยงภัยทุกชนิดที่มีสาเหตุจากภายนอกพร้อมกับกำหนดยกเว้นภัยบางประเภทไว้เท่านั้น แต่
I.C.C (B) ระบุภัยที่คุ้มครอง และสิ่งที่ยกเว้นความคุ้มครองไว้อย่างชัดเจน ความสูญเสียหรือเสียหายอันเนื่องจาก หรือมีสาเหตุจากภัยที่ไม่ได้ระบุไว้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
นอกจากนั้น I.C.C. (B) ยังได้แยกความคุ้มครองออกเป็น 3 ลักษณะ คือ
1. Loss of or damage to the subject-matter insured reasonably attributable to…การใช้คำ reasonably attributable to…เท่ากับว่าผู้รับประกันภัยชดใช้ในความสูญเสียหรือเสียหาย ซึ่งมีผลสือเนื่องจากภัยที่ระบุไว้ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสาเหตุที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดความเสียหายภัยที่คุ้มครอง ได้แก่
1.1 อัคคีภัย หรือ การระเบิด…Fire or explosion
1.2 เรือ หรือยวดยานประสบเหตุเกยตื้น เกยพื้น จม หรือพลิกคว่ำ…Vessel or craft stranded grounded sunk or capsized
1.3 การคว่ำหรือตกรางของยานพาหนะทางบก…Overturning or derailment of land conveyance
1.4 การชนหรือการโดยกันของเรือ ยวดยาน หรือ ยานพาหนะ กับวัตถุ ภายนอกใดๆ ก็ตามนอกเหนือจากกับน้ำ…Collision or contact of vessel craft or conveyance with any external object other than water
1.5 การขนถ่ายสินค้าลงที่ท่าใช้หลบภัย…Discharge of cargo at a port of distress
1.6 แผ่นดินไหว การระเบิดของภูเขาไฟ หรือฟ้าผ่า…Earthquake volcanic eruption of lightning
2. Loss of or damage to the subject-matter insured caused by…การใช้คำ caused by…หมายความว่า ความสูญเสียหรือเสียหาย จะต้องมีสาเหตุโดยตรงจากภัยที่ระบุไว้ ได้แก่
2.1 การถูกสละไปอันถือได้ว่าเป็นการสูญเสียเพื่อส่วนรวม…General Average Sacrifice
2.2 การถูกทิ้งทะเล หรือ การถูกน้ำซัดตกจากเรือไป…Jettison or washing overboard
2.3 การที่น้ำทะเล น้ำทะเลสาบ หรือน้ำในแม่น้ำ เข้ามาในระวางเรือ หรือยวดยาน หรือเข้ามาในตู้ลำเลียง, ตู้ยก หรือสถานที่เก็บวางสินค้า…Entry of sea lake or river water into vessel craft hold conveyance container liftvan or place of storage
3. Total loss of enired package ความสูญเสียโดยสิ้นเชิงของหีบห่อใด ซึ่งตกจากเรือ หรือตกลงมาในขณะขนขึ้น หรือขนลงจากเรือ หรือยวดยาน…Total loss of any package lost overboard or dropped whilst loading on to, or unloading from vessel or craft
นอกจากนี้ความสูญเสียหรือความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากกรณี General Average และ/หรือ Boths to blame Collision ก็ได้รับความคุ้มครองด้วย กล่าวคือภัยที่ยกเว้นความคุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (B)
แม้ว่าเงื่อนไขความคุ้มครองตาม Institute Cargo Clauses (B) จะระบุภัยที่ให้ความคุ้มครองไว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ก็ได้กำหนดและระบุ สาเหตุ หรือ ลักษณะความเสียหายบางอย่างที่จะถูกยกเว้นไม่ให้ความคุ้มครองไว้เป็นข้อกำหนดอย่างชัดเจนภายใต้ General Exclusions Clause ดังนี้
In no case shall this insurance cover Loss damage or expense attributable to/caused by
ไม่ว่ากรณีใดก็ตามการประกันภัยนี้ไม่คุ้มครอง ความสูญเสีย เสียหาย หรือค่าใช้จ่าย อ้นเนื่องจาก/ที่เกิดจาก
1. การกระทำมิชอบโดยจงใจของผู้เอาประกันภัย…Wilful misconduct of the Assured
2. การรั่วไหลไปตามปกติ, การขาดหายตามปกติของปริมาณ หรือน้ำหนัก หรือการสึกหรอและสึกกร่อนตามปกติ…Ordinary leakage, ordinary loss in weight or volume, or ordinary wear and tear of the subject-matter insured
3. การบรรจุหีบห่อ หรือการจัดเตรียมที่ไม่เพียงพอ หรือไม่เหมาะสมในวัตถุแห่งการประกันภัย…Insufficiency or unsuit-ability of packing or preparation of the subject-matter insured
4. ข้อเสียในตัวเองหรือลักษณะตามธรรมชาติของวัตถุแห่งการประกันภัย…Inherent vice or nature of the subject-matter insured
5. การล่าช้า แม้ว่าการล่าช้านั้นจะเกิดจากภัยที่คุ้มครองก็ตาม…Delay, even though the delay be caused by a risk insured against
6. การล้มละลาย หรือ การไม่สามารถใช้หนี้สิน ไม่ว่าของเจ้าของเรือ, ผู้เช่าเหมาเรือ หรือผู้ดำเนินการเดินเรือ หรือตัวแทนของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่กล่าวมา…Insolvency or financial default of the owners, managers, charterers, or operators of the vessel
7. การใช้อาวุธสงครามที่อาศัยการแตกตัว หรือ การหลอมตัวของปรมาณู หรือ ผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี…The use of any weapon of war employing atomic or nuclear fission and/or fusion or other like reaction or radioactive force or matter
8. เรือ หรือ ยาน ไม่พร้อมที่จะใช้เดินทะเล หรือ เรือ ยาน ยวดยาน ตู้ลำเลียง หรือ ตู้ยก ที่จะใช้ในการบรรทุกสินค้า ไม่พร้อมสมบูรณ์หรือปลอดภัยเพียงพอ โดยที่ผู้เอาประกันภัย หรือลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย…Unseaworthtness & Unfitness Exclusion Clause
9. การทำความเสียหายโดยเจตนา หรือการทำลายโดยเจตนาต่อวัตถุแห่งการประกันภัย หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในวัตถุแห่งการประกันภัย โดยการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่ว่าจะโดยบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือหลายบุคคลก็ตาม…Deliberate damage to or deliberate destruction of the subject-matter insured or any part thereof by the wrongful act of any person or persons
10. ข้อยกเว้นภัยสงคราม…War Exclusion Clause
10.1 สงคราม สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ กบฏแข็งข้อ หรือ การต่อสู้ของประชาชนที่เกิดจากการดังกล่าว หรือการกระทำเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งกระทำต่อ หรือถูกกระทำโดยชาติอำนาจที่เป็นศัตรู
10.2 การถูกจับกุม ถูกยึด ถูกกุม กักกัน หรือหน่วงเหนี่ยว (ยกเว้น การกระทำการเป็นโจรสลัด) และผลใดๆ ของการนั้นๆ หรือ ความพยายามใดๆ ที่จะกระทำการดังกล่าว
10.3 การถูกทิ้งทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด ระเบิด หรืออาวุธสงครามอื่นใด
11. ข้อยกเว้นภัยนัดหยุดงาน…Strikes Exclusion Clause
11.1 คนงานที่นัดหยุดงาน, คนงานที่ถูกปิดงาน, หรือ บุคคลที่มีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบทางแรงงาน
11.2 การจลาจล หรือการก่อความวุ่นวายโดยฝูงชน อันเป็นผลจากการนัดหยุดงาน การปิดงาน ความไม่สงบทางแรงงาน
11.3 การก่อความวุ่นวายโดยฝูงชน อันเกิดจากการก่อการร้าย หรือการกระทำไม่ว่าจะของบุคคลหนึ่งบุคคลใดในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ภัยที่คุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (C)
Institute Cargo Clauses (C) ให้ความคุ้มครองแตกต่างจาก I.C.C. (A) เช่นเดียวกับ I.C.C (B) คือ
ระบุภัยที่คุ้มครอง และสิ่งที่ยกเว้นความคุ้มครองไว้อย่างชัดเจน ความสูญเสียหรือเสียหาย อันสืบเนื่องจากหรือมีสาเหตุจากภัย ที่ไม่ได้ระบุไว้จะไม่ได้รับความคุ้มครอง
แต่ I.C.C. (C) ให้ความคุ้มครองที่แคบกว่า I.C.C. (B) โดยแบ่งความคุ้มครองออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. Loss of or damage to the subject-matter insured reasonably attributable to…การใช้คำ reasonably attributable to…เท่ากับว่า ผู้รับประกันภัยชดใช้ในความสูญเสียหรือเสียหาย ซึ่งมีผลสือเนื่องจากภัยที่ระบุไว้ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสาเหตุที่เป็นตัวการที่ทำให้เกิดความเสียหายภัยที่คุ้มครอง ได้แก่
1.1 อัคคีภัย หรือ การระเบิด…Fire or explosion
1.2 เรือ หรือยวดยานประสบเหตุเกยตื้น เกยพื้น จม หรือพลิกคว่ำ…Vessel or craft stranded grounded sunk or capsized
1.3 การคว่ำ หรือตกรางของยานพาหนะทางบก…Overturning or derailment of land conveyance
1.4 การชนหรือการโดนกันของเรือ ยวดยาน หรือยานพาหนะ กับวัตถุภายนอกใดๆ ก็ตาม นอกเหนือจากกับน้ำ…Collision or contact of vessel craft or conveyance with any external object other than water 1.5 การขนถ่ายสินค้าลงที่ท่าใช้หลบลี้ภัย…Discharge of cargo at a port of distress
2. Loss of or damage to the subject-matter insured caused by…การใช้คำ caused by… หมายความว่า ความสูญเสียหรือเสียหายจะต้องมีสาเหตุโดยตรงจากภัยที่ระบุไว้ ได้แก่
2.1 การถูกสละไปอันถือได้ว่าเป็นการสูญเสียเพื่อส่วนรวม…General Average Sacrifice
2.2 การถูกทิ้งทะเล…Jettison
นอกจากนี้ ความสูญเสียหรือความเสียหาย หรือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเนื่องจากกรณี General Average และ/หรือ Boths to Blame Collision ก็ได้รับความคุ้มครองด้วย กล่าวคือ
ภัยที่ยกเว้นความคุ้มครองใน Institute Cargo Clauses (C)
แม้ว่าเงื่อนไขความคุ้มครองตาม Institute Cargo Clauses (C) จะระบุภัยที่ให้ความคุ้มครองไว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ก็ได้กำหนดและระบุ สาเหตุ หรือ ลักษณะความเสียหายบางอย่างที่จะถูกยกเว้นไม่ให้ความคุ้มครองไว้เป็นข้อกำหนดอย่างชัดเจนภายใต้ General Exclusions Clause ดังนี้
In no case shall this insurance cover Loss damage or expense attributable to/caused by
ไม่ว่ากรณีใดก็ตามการประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความสูญเสีย เสียหาย หรือค่าใช้จ่าย อ้นเนื่องจาก/ที่เกิดจาก
1. การกระทำมิชอบโดยจงใจของผู้เอาประกันภัย…Wilful misconduct of the Assured
2. การรั่วไหลไปตามปกติ การขาดหายตามปกติของปริมาณ หรือน้ำหนัก หรือการสึกหรอและสึกกร่อนตามปกติ…Ordinary leakage, ordinary loss in weight or volume, or ordinary wear and tear of the subject-matter insured
3.การบรรจุหีบห่อ หรือการจัดเตรียมที่ไม่เพียงพอ หรือไม่เหมาะสมในวัตถุแห่งการประกันภัย… Insufficiency or unsuit-ability of packing or preparation of the subject-matter insured
4. ข้อเสียในตัวเองหรือลักษณะตามธรรมชาติของวัตถุแห่งการประกันภัย…Inherent vice or nature of the subject-matter insured
5. การล่าช้า แม้ว่าการล่าช้านั้นจะเกิดจากภัยที่คุ้มครองก็ตาม…Delay, even though the delay be caused by a risk insured against
6. การล้มละลาย หรือ การไม่สามารถใช้หนี้สิน ไม่ว่าของเจ้าของเรือ, ผู้เช่าเหมาเรือ หรือผู้ดำเนินการเดินเรือ หรือตัวแทนของบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่กล่าวมา…Insolvency or financial default of the owners, managers, charterers, or operators of the vessel
7. การใช้อาวุธสงครามที่อาศัยการแตกตัว หรือ การหลอมตัวของปรมาณู หรือผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี… The use of any weapon of war employing atomic or nuclear fission and/or fusion or other like reaction or radioactive force or matter
8. เรือ หรือ ยาน ไม่พร้อมที่จะใช้เดินทะเล หรือ เรือ ยาน ยวดยาน ตู้ลำเลียง หรือ ตู้ยก ที่จะใช้ในการบรรทุกสินค้า ไม่พร้อมสมบูรณ์หรือปลอดภัยเพียงพอโดยที่ผู้เอาประกันภัย หรือลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยมีส่วนรู้เห็นเป็นใจด้วย…Unseaworthtness & Unfitness Exclusion Clause
9. การทำความเสียหายโดยเจตนา หรือการทำลายโดยเจตนาต่อวัตถุแห่งการประกันภัย หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในวัตถุแห่งการประกันภัย โดยการกระทำที่ผิดกฎหมายไม่ว่าจะโดยบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือหายบุคคลก็ตาม…Deliberate damage to or deliberate destruction of the subject-matter insured or any part thereof by the wrongful act of any person or persons
10. ข้อยกเว้นภัยสงคราม…War Exclusion Clause
10.1 สงคราม สงครามกลางเมือง การปฏิวัติ กบฏแข็งข้อ หรือ การต่อสู้ของประชาชนที่เกิดจากการดังกล่าว หรือการกระทำเป็นปฏิปักษ์ ซึ่งกระทำต่อ หรือถูกกระทำโดยชาติอำนาจที่เป็นศัตรู
10.2 การถูกจับกุม ถูกยึด ถูกกุม กักกัน หรือหน่วงเหนี่ยว (ยกเว้นการกระทำการเป็นโจรสลัด) และผลใดๆ ของการนั้นๆ หรือ ความพยายามใดๆ ที่จะกระทำการดังกล่าว
10.3 การถูกทิ้งทุ่นระเบิด ตอร์ปิโด ระเบิด หรืออาวุธสงครามอื่นใด
11. ข้อยกเว้นภัยนัดหยุดงาน… Strikes Exclusion Clause
11.1 คนงานที่นัดหยุดงาน, คนงานที่ถูกปิดงาน, หรือ บุคคลที่มีส่วนร่วมในการก่อความไม่สงบทางแรงงาน
11.2 การจลาจล หรือการก่อความวุ่นวายโดยฝูงชน อันเป็นผลจากการนัดหยุดงาน การปิดงาน ความไม่สงบทางแรงงาน
11.3 การก่อความวุ่นวายโดยฝูงชน อันเกิดจากการก่อการร้าย หรือการกระทำไม่ว่าจะของบุคคลหนึ่งบุคคลใดในการเคลื่อนไหวทางการเมือง
การขอเอาประกันภัย
สำหรับการประกันภัยการขนส่งสินค้าทางทะเลนั้น มีแนวทางในการขอเอาประกันภัย ดังนี้
1. ควรเลือกเงื่อนไขความคุ้มครองให้เหมาะสมกับประเภทของสินค้า กล่าวคือ สินค้าโดยทั่วๆ ไปที่มีการบรรจุหีบห่อ เงื่อนไขความคุ้มครองมักใช้เงื่อนไขแบบมาตรฐานที่เรียกว่า Institute Cargo Clauses ซึ่งมีให้เลือก 3 เงื่อนไขด้วยกัน คือ
เงื่อนไข “A” สำหรับการคุ้มครองที่กว้างที่สุด
เงื่อนไข “B” สำหรับการคุ้มครองอุบัติเหตุที่ร้ายแรง เช่นรถคว่ำ เรือชนกัน เกยตื้น ไฟไหม้ และรวมถึงความเสียหายจากการเปียกน้ำด้วย เงื่อนไข “C” คุ้มครองเฉพาะอุบัติเหตุที่ร้ายแรงเท่านั้น
อย่างไรก็ดี สำหรับสินค้าบางประเภทการเลือกใช้เงื่อนไข Institute Cargo Clauses แบบหนึ่งแบบใดอาจจะไม่เหมาะสม ควรเลือกเงื่อนไขความคุ้มครองที่ร่างขึ้นสำหรับสินค้านั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งเรียกรวมๆ ว่าเงื่อนไขพิเศษ (Trade Clauses) เช่น
Bulk Oil Clauses สำหรับคุ้มครองน้ำมันที่บรรทุกในเรือบรรทุกน้ำมัน
Institute Frozen Foods Clauses สำหรับสินค้าที่แช่แข็ง
Institute Frozen Meat Clauses สำหรับสินค้าที่เป็นเนื้อแช่แข็ง
Institute Coal Clauses สำหรับคุ้มครองถ่านหิน
2. ควรระบุให้กรมธรรม์มีผลคุ้มครองตลอดเส้นทางของการขนส่ง เช่น คลังสินค้าของผู้ซื้อสินค้าสมมติว่าตั้งอยู่ในเชียงใหม่ สินค้านำเข้ามาจากฮ่องกงซึ่งเรือสินค้าจะต้องเข้าเทียบท่าเรือกรุงเทพฯ ก่อนขนส่งต่อภายในประเทศไปยังจังหวัดเชียงใหม่ จึงควรระบุในกรมธรรม์ให้ความคุ้มครอง เริ่มจากฮ่องกงผ่านกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่ (From Hongkong via Bangkok to Chiengmai)
3.ควรพิจารณาดูว่าสัญญาซื้อขายเป็นเงื่อนไขแบบใด ถ้าเป็นสัญญาซื้อขายแบบ C.I.F. ในกรณีที่เป็นสินค้าส่งออกจะต้องตรวจดูเงื่อนไขของ L/C ที่ผู้ซื้อสินค้าระบุมาว่าให้ใช้เงื่อนไขความคุ้มครองแบบใด ถ้าผู้ซื้อระบุการคุ้มครองที่กว้างกว่าประเพณีนิยมของการซื้อขายชนิดนั้น ผู้ซื้อมีหน้าที่รับภาระค่าเบี้ยประกันภัยส่วนที่เพิ่มขึ้นจากปกติ
4. ควรพิจารณาทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยภายในประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าเพราะนอกจากจะเป็นการสงวน เงินตราไว้ภายในประเทศ ได้ส่วนหนึ่งแล้วในกรณีที่สินค้าได้รับความเสียหายหรือสูญหาย ขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จากบริษัทประกันภัยในประเทศ จะสะดวกรวดเร็วกว่าการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยซึ่งตั้งอยู่ต่างประเทศ
5. ควรมีข้อมูลและรายละเอียดสำหรับทำประกันภัย ดังนี้
– ชื่อผู้เอาประกันภัย
– ชื่อและประเภทของสินค้าที่เอาประกันภัย
– จำนวนเงินเอาประกันภัย
– เส้นทางการขนส่ง ควรระบุเมืองต้นทาง และเมืองปลายทางให้ชัดเจนในกรณีที่มีการถ่ายลำจะต้องระบุเมืองท่าที่มีการถ่ายลำด้วย
– เงื่อนไขความคุ้มครองที่ต้องการ ภายหลังจากที่สินค้าขึ้นเรือเรียบร้อย จะต้องแจ้งข้อมูลให้บริษัททราบเพื่อออกกรมธรรม์ ดังนี้
– ชื่อเรือหรือยานพาหนะที่ใช้บรรทุกสินค้า ชื่อเรือที่มีการถ่ายลำ (ถ้ามี)
– วันที่เรือออกเดินทาง
– ชื่อเมืองท่าต้นทางและปลายทาง
– จำนวนหีบห่อและเครื่องหมายบนหีบห่อ
เอกสารที่ใช้ประกอบในการขอเอาประกันภัย
1. Letter of Credit
2. ใบกำกับสินค้า (Commercial Imvoice)
3. ใบตราส่ง (Bill of Lading)
ข้อแนะนำในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีที่เกิดความสูญเสีย และ/หรือความเสียหายที่อาจเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องได้ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัย และ/หรือตัวแทนของผู้เอาประกันภัย พึงจะต้องปฏิบัติดังนี้
1. สำรวจสภาพสินค้าในทันทีทุกครั้งก่อนรับมอบสินค้า
2. ถ้าพบสินค้าเสียหาย/สูญหาย ให้ผู้ขนส่ง/ผู้รับฝากสินค้า ออกหลักฐานระบุความเสียหายหรือทำเป็นหมายเหตุลงในใบรับสินค้า
3. กรณีขนส่งด้วยตู้ลำเลียง (Container) ต้องตรวจว่า ตู้ลำเลียง และ Seal มีสภาพเรียบร้อยถูกต้อง ถ้าตู้ลำเลียงหรือ Seal เสียหาย/สูญหาย หรือเป็น Seal อื่นต้องแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นหลักฐาน
4. ยื่นหนังสือเรียกร้องให้ผู้ขนส่ง/ผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายทันที
5. กรณีไม่พบความเสียหายขณะรับมอบ แต่พบในภายหลังต้องทำหนังสือแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้องภายใน 3 วัน นับจากวันรับมอบสินค้า
6. ในทุกกรณีเมื่อพบสินค้าเสียหาย/สูญหาย รีบแจ้งให้ผู้ประกันภัยทราบในทันที
นอกจากนี้ การจัดเตรียม และส่งมอบหลักฐาน และเอกสารประกอบในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่ครบถ้วนจะช่วยให้ การพิจารณาชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสามารถดำเนินการไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว
หลักฐานในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
1. หนังสือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน Claim Bill
2. ต้นฉบับกรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง Original Marine Insurance Policy
3. ใบกำกับสินค้าและใบแสดงการบรรจุหีบห่อ Invoice & Packing List
4. ใบตราส่งสินค้า Bill of Lading
5. หลักฐานแสดงความเสียหาย เช่น Survey Report, Wharf Survey Note, Shortlanded Cargo List
6. หลักฐานหรือเอกสารประกอบอื่นๆ เช่น Charter Party, Sale Contract, Stowage Plan
7. สำเนาหนังสือเรียกร้องค่าเสียหายถึงผู้ขนส่ง/ผู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมหนังสือตอบจากผู้ขนส่ง/ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น